อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 11/2 วันที่ 18 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 11/2 วันที่ 18 พ.ย. 55

คำให้การการของชนะศึกต่อคำถามนี้ตรงกับการให้ปากคำของชนกนันท์
“ก็มันรู้แล้วนี่คะ ว่าพ่อทำพินัยกรรมยกสมบัติให้มัน พ่อตายเมื่อไหร่มันก็ได้เป็นมหาเศรษฐี ดิฉันว่ามันคงหลอกให้พ่อไปหา แล้วก็ฆ่าพ่อ” ชนกนันท์สะเทือนใจจน ร้องไห้ออกมา “ไอ้คนใจบาป มันทำกับพ่อนกได้ยังไง”

ตำรวจสอบปากคำเพชรแท้ พร้อมกับเอาปืนของกลางวางบนโต๊ะ
“ปืนนี่ของนายใช่ไหม”
เพชรแท้มองปืนบนโต๊ะ นึกถึงเหตุการณ์ ตอนที่ปืนถูกขโมยขึ้นมาได้
“มันถูกขโมยไป ตอนเช้าวันที่เกิดเรื่อง”

ตำรวจซักอีก “แต่เราเจอในซากบ้านหลังนั้น มันไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง”
“ผมไม่รู้ แต่ผมไม่ได้ทำ” พร้อมกันนั้นตำรวจเอาปลอกกระสุนขึ้นมาวางด้วย “พี่ต้องเชื่อผมนะ ผมไม่ได้ฆ่าเขา เขาเป็นพ่อของผมนะ”
เพชรแท้มองหน้าตำรวจ สายตาวิงวอน



คืนนั้น ทีวีในห้องนั่งเล่นบ้านอังคณา กำลังรายงานข่าวคดีฆาตกรรมธานินทร์ มีรูปธานินทร์ ภาพเหตุการณ์การจับกุมเพชรแท้ประกอบการรายงานของผู้ประกาศข่าว
“จากกรณีการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของนายธานินทร์ เลิศชัยวัฒน์ นักธุรกิจหมื่นล้าน ประธากรรมการบริหารบริษัทเบสท์เอนเทอร์ไพร้ส์ จำกัด (มหาชน) ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระบุสาเหตุการตายอย่างแน่ชัดแล้วว่า เกิดจากการถูกยิงโดยผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ลงมือฆ่า ได้แก่ นายเพชรแท้ มงคลกุล ลูกนอกสมรสของผู้ตายนั่นเอง”
ภาพในจอเป็นการนำตัวเพชรแท้เข้าห้องขัง ขณะที่ผู้ประกาศข่าวรายงานต่อ
“นายเพชรแท้ ได้ล่อลวงนายธานินทร์ไปที่บ้านตน แล้วทำการสังหารโหด ก่อนที่จะเผาบ้านทิ้งเพื่ออำพรางคดี สำหรับสาเหตุที่นายเพชรแท้กระทำฆาตกรรมนายธานินทร์คาดว่าน่าจะมาจากการที่นายเพชรแท้ทราบว่านายธานินทร์ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ตน จึงตัดสินใจฆ่านายธานินทร์เพื่อหวังทรัพย์มรดก ข่าวคืบหน้า จะได้นำเสนอให้ทราบต่อไป”
อังคณากับชนกนันท์นั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องสองคน
“นกว่าแล้ว ว่าไอ้คนนี้มันไม่ใช่คนดี ดีนะที่ตำรวจเขาพิสูจน์ความจริงจนได้ ใครที่ฆ่าพ่อ...มันต้องรับกรรมในสิ่งที่มันทำ”
อังคณาชะงักไปนิดหนึ่ง “งานนี้ อย่างน้อยก็ติดคุกตลอดชีวิต”
“ไม่พอหรอกค่ะ นกต้องการให้มันตายไปเลย” ชนกนันท์น้ำตาคลอ “พ่ออยู่ได้อีกไม่กี่วันเท่านั้น มันยังใจร้ายฆ่าพ่อได้ลงคอ ไอ้คนสารเลวแบบนั้น นกอยากให้มันถูกประหารชีวิต ตกนรกหมกไหม้ไม่มีวันได้ผุดได้เกิด”
อังคณาฟังคำแช่งชักถึงกับหน้าซีดไปเหมือนกัน เรืองโรจน์เดินเข้ามาพอดี
อังคณาหันไปเห็นก็ตกใจ “เรืองโรจน์”
เรืองโรจน์เล่นละครทันที “ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ คุณผู้หญิง คุณนก”
อังคณาตัดบท “มาคุยเรื่องงานกับฉันใช่ไหม”
“ครับ”
“มาทางนี้”
อังคณาลุกขึ้นแล้วเดินนำไป เรืองโรจน์ตาม

สองคนอยู่ในห้องซ้อมเต้นลีลาศ อังคณามีท่าทีหงุดหงิดฉุนเฉียว
“บอกแล้วให้ระวัง ทำไมนึกจะมาก็มา”
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน หลังจากเสร็จงาน”
อังคณาตวัดเสียงใส่ “โทรมาก่อน...ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีก”
“ครับ”
ระหว่างนั้นเรืองโรจน์ถือโทรศัพท์มือถือซ่อนไว้ด้านหลัง กดโทรศัพท์บันทึกเสียงสนทนา
“ตกลงว่าพวกนั้นมันทำงานให้คุณอังคณาได้เรียบร้อย คุณธานินทร์ตายไปแล้ว ตำรวจพบหลักฐานที่เตรียมเอาไว้ ตามที่ตกลงกันไว้ทุกอย่าง ถึงเวลาจ่ายค่าจ้างแล้วล่ะครับ”
อังคณาหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา แล้วหยิบซองเงินออกมาวางไว้ที่โต๊ะ
“เอาไปให้มัน”
อังคณาหยิบเงินอีกซองยื่นส่งให้เรืองโรจน์
“อันนี้ของเธอ”
เรืองโรจน์เอามือมาจับข้อมืออังคณาไว้ “ไม่ใช่แค่นี้ครับ” อังคณาชะงัก ชักมือออกจากมือเรืองโรจน์ “ผมต้องการตำแหน่งผู้บริหารเทียบเท่าคุณชนะศึก”
อังคณาขึ้นเสียง “เป็นไปไม่ได้ บริษัทนี้เป็นของตระกูลฉัน ฉันยอมให้คนนอกมาทำไม่ได้หรอก”
“แต่คุณสัญญากับผมไว้แล้ว! จะเบี้ยวหรือไง” เรืองโรจน์ไม่พอใจเช่นกัน
“ฉันไม่เคยสัญญา เธอเป็นใคร ชนะศึกเป็นใคร จะมาตีเสมอลูกชายฉันได้ยังไง” อังคณาเสียงดังขึ้นอีก “เอาเงินไป หรือไม่ก็กลับไปเลย ไม่ต้องเอาอะไรซักอย่าง”
เรืองโรจน์อึ้งไป เจ็บใจระคนแค้นใจ แต่ข่มอาการไว้
“จะเอายังไง ยังคิดจะทำงานกับฉันอยู่ไหม ถ้าคิดจะทำก็อย่ามาพูดแบบนี้กับฉันอีก”
เรืองโรจน์ไม่ตอบ ก้มหน้านิ่ง อังคณาหยิบซองเงินโยนให้เรืองโรจน์พลางบอก
“ตำรวจปิดคดี ไอ้เพชรโดนประหารชีวิตเมื่อไหร่ ฉันจะให้เธออีกก้อนหนึ่ง”
จากนั้นอังคณาเดินหนีไปทันที

เรืองโรจน์มองตามดวงตาวาววับ ก่อนจะกดปุ่มหยุดบันทึกเสียงในโทรศัพท์มือถือเซฟลงเครื่อง แล้วเงยหน้ามองตามอังคณาอย่างแค้นใจ ทีท่าเริ่มไม่ไว้ใจอังคณาแล้ว
ขณะเดียวกันพรรณีกับพิณทองอยู่ในห้องทำงานของสารวัตรเจ้าของคดีเพชรแท้บนโรงพัก

“ลูกชายของดิฉันไม่ได้ทำจริง ๆ นะคะ เขาจะทำอย่างนั้นกับพ่อแท้ๆ ของเขาได้ยังไง”
สารวัตรมองหน้าพรรณีขณะบอกเหตุผล “ก็เพื่อเงินไงครับ คุณเห็นพินัยกรรมของคุณธานินทร์หรือยัง นายเพชรแท้ลูกคุณ ได้เป็นร้อยล้าน”
“แต่พี่เพชรไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ” พิณทองว่า
“เงินน่ะมันเปลี่ยนคนได้นะหนู ความจริงพวกคุณควรจะถูกสงสัยด้วยซ้ำไปว่าสมรู้ร่วมคิดกับนายเพชรแท้ด้วยหรือเปล่า โชคดีที่หลักฐานมันสาวไปไม่ถึง”
พรรณีกับพิณทองสะอึกไป
“ผมว่าทางที่ดี คุณควรไปกล่อมให้เขายอมรับสารภาพซะ ศาลท่านอาจจะเมตตาลดโทษให้บ้าง ผมพูดจริงๆ นะ โทษฐานฆาตกรรมบุพการีเพื่อทรัพย์มรดกนี่มันถึงประหารนะ”
คำพูดของสารวัตรทำเอาพรรณีใจหล่นวูบ ตกตะลึง พิณทองเองก็ตกใจไม่ต่างกัน ทั้งคู่กอดกันร้องไห้

ที่เมรุเผาศพภายในวัดตอนค่ำวันนั้น เจ้าหน้าที่ของวัดสองคนช่วยกันยกแผ่นปูนขึ้นมาปิดที่ช่องบรรจุศพ ภายในนั้นมีโลงศพของธานินทร์วางอยู่ข้างในเพื่อเตรียมเผา
ห่างออกมาชนะศึกถือรูปของธานินทร์ โดยมีชนกนันท์ถือกระถางธูปร้องไห้ไปด้วย ขณะที่อังคณายืนมองไปที่บรรจุศพอย่างสงบนิ่ง ในบริเวณนั้นยังมีบรรดาคนรับใช้ 2 คนขับรถ ศักดากับมนตรี และเรืองโรจน์ รวมทั้งพนักงานระดับผูบริหารในบริษัทอีก 2-3 คน รวมอยู่ด้วย
เจ้าหน้าที่ของวัดปิดฝาเรียบร้อยก็หันมาบอกอังคณา ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นไหว้เคารพศพอีกครั้ง
อังคณาหันมาบอกกับทุกๆ คน “ไปรอที่รถกันก่อนนะ แม่จะอยู่กับพ่อเขาอีกซักแป๊บ แล้วจะตามไป”
ชนะศึกรับคำ คิดว่าแม่คงจะอยากอยู่คุยกับพ่อเป็นการส่วนตัว หันไปพยักหน้ากับ คนอื่นๆ แล้วทุกคนก็เดินออกจากบริเวณนั้นไป
อังคณารอจนทุกคนออกไปแล้ว ก็หันมาที่บรรจุศพ เหยียดยิ้มร้ายเยาะเย้ยด้วยวาจา
“ขอโทษด้วยนะ ธานินทร์ ที่ต้องทำกับคุณแบบนี้ แต่ไหนๆ คุณก็กำลังจะตายอยู่แล้วนี่ ตายแบบนี้ อย่างน้อยก็ยังมีประโยชน์กับลูกเมียบ้าง ดีกว่าตายไปเปล่าๆ หวังว่าคุณคงเข้าใจฉันนะ”
อังคณาจ้องมองไปที่ภาพของธานินทร์เหนือที่บรรจุศพ ยิ้มหยันอย่างเกลียดชัง

ครั้นอังคณาเดินออกมา รู้สึกเหมือนมีใครเดินตามอยู่ข้างหลัง จึงหยุดกึกเหลียวหันไปมอง แต่ไม่มีอะไร พอหันกลับมาก็เจอเรืองโรจน์ยืนประชันหน้าอยู่ระยะประชิด อังคณาตกใจ
“คุณอังคณา”
อังคณาถามเสียงขุ่น “มีอะไร”
“เรื่องเดิม” เรืองโรจน์ว่าเรียบๆ อังคณาชักสีหน้า “ผมมาคิดดูแล้ว เงินที่คุณให้ผมมันน้อยไปมาก เมื่อเทียบกับงานที่ผมทำให้คุณ”
อังคณาของขึ้น “นี่...แก ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ระวังตัว มาพูดที่นี่ได้ไง เดี๋ยวมีคนได้ยิน”
เรืองโรจน์ยิ้มพูดยั่ว “ได้ยิน...กลัวคนอื่นรู้เหรอว่าผมทำงานให้คุณ”
ระหว่างที่อังคณากับเรืองโรจน์กำลังคุยกันอยู่นั้น ชนกนันท์เดินมาตามอังคณาพอดี
“ถ้าคนอื่นรู้ คุณลำบากแน่” เรืองโรจน์ยิ้มเยาะขณะขู่ “ถ้าคุณชนะศึกกับคุณนกรู้ล่ะก็...”
อังคณาตวาด “หยุดนะ” เรืองโรจน์หยุด แต่ยังยิ้มร้ายยั่ว “ฉันบอกแล้วไง ว่าลูกฉันจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้”
ชนกนันท์เดินมาถึงทันได้ยินประโยคท้ายพอดี เลยแอบฟัง
“ถ้างั้น คุณอังคณาก็คงรู้ใช่ไหมครับ ว่าจะปิดปากผมได้ยังไง”
อังคณานิ่งไป ก่อนจะตัดสินใจหลอกเรืองโรจน์ ซื้อเวลา
“รอให้ศาลตัดสินคดีไอ้เพชรแท้ก่อน ฉันจะจัดการให้”
“ครับ ผมจะรอ”
เรืองโรจน์เดินออกไป อังคณามองตามอย่างขุ่นเคือง

ชนกนันท์ค้างคาใจสงสัยในสิ่งที่ได้ยิน
ขณะที่อังคณาเดินเข้าบ้าน และกำลังขึ้นบันไดไปยังชั้นบนด้วยท่าทางหงุดหงิด ชนกนันท์เดินตามมามองอังคณาเหมือนมีอะไรในใจ

“แม่คะ”
อังคณาถามขณะเดินต่อ “อะไร”
“นกมีอะไรอยากถามแม่หน่อย”
อังคณาไม่ได้ใส่ใจนัก “ว่ามาซีลูก”
ชนกนันท์อ้ำอึ้งไปนิดหนึ่ง รอจนอังคณาหันหน้ามามอง
“ว่ายังไง ยัยนก มีอะไรจะถามแม่”
“เมื่อกี๊ ตอนอยู่ที่วัด พี่ชนะเห็นแม่หายไปนาน เลยให้นกเดินไปตามแม่”
อังคณาชะงักกึก “แล้วไง”
“นกได้ยินแม่คุยกับเรืองโรจน์”
อังคณาย้อนถามเสียงเครียด “ได้ยินอะไร”
“ตอนท้ายๆ ก่อนมันจะไป เห็นมันพูดว่าแม่ให้มันทำงานอะไรซักอย่าง ที่นกกับพี่ชนะรู้ไม่ได้”
อังคณาอึ้งไป
“งานอะไรคะคุณแม่”
อังคณาไม่ตอบ เดินไปที่ประตูหน้าห้อง ชนกนันท์ตามยื้อจะรู้ให้ได้
“คุณแม่คะ บอกนกซีคะ คุณแม่กับเรืองโรจน์ทำอะไร ทำไมนกถึงรู้ไมได้ คุณแม่ให้มันทำอะไรคะ”
“เรื่องของผู้ใหญ่ เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่ามายุ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยยัยนก”
อังคณาตัดบทแล้วเดินเข้าห้อง ปิดประตูปัง
ชนกนันท์อึ้ง ยิ่งแปลกใจคาใจ เพราะที่ผ่านมาอังคณาไม่เคยทำแบบนี้กับตนมาก่อน

อังคณาเข้ามาในห้อง ยิ่งกระวนกระวายใจ
“บ้าจริง! มันชักจะยุ่งกันไปใหญ่แล้ว”
อังคณานั่งลง ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม

เช้าวันต่อมา พรรณีและพิณทองพากันมาอยู่ที่โรงพัก นั่งรอเยี่ยมเพชรแท้ ทั้งคู่รู้สึกใจไม่ดี เป็นห่วงและกังวลหนัก
สักครู่หนึ่ง ผู้คุมนำตัวเพชรแท้เข้ามา พรรณี และพิณทองเห็นเพชรแท้ในสภาพถูกใส่กุญแจมือ และโซ่ล่ามเท้า พรรณีร้องไห้ซ่อนหน้าทนดูไม่ได้
ทั้งสามคนนั่งคุยกัน โดยมีผู้คุมยืนอยู่ด้านหลังเพชร พรรณีเอื้อมมือไปจับมือลูกชาย เพชรแท้ส่งมือให้
“แม่เป็นห่วงเพชรเหลือเกิน แล้วนี่ตำรวจเขาว่ายังไงบ้าง”
“เขาก็เอาเพชรไปถามโน่นถามนี่ทุกวัน ยังไงๆ เพชรก็ยืนยันว่าเพชรไม่ได้ทำ”
“แล้วเขาทำอะไรพี่เพชรหรือเปล่า”
เพชรแท้ส่ายหน้า ไม่อยากบอกให้พิณทองทุกข์ใจ พรรณีมองออก
“อดทนนะลูก แม่กำลังหาทางประกันตัวเพชรอยู่ แม่จะเอาเพชรออกไปให้ได้”
“เพชรจะรอจ้ะ...แม่...ออกไปได้เมื่อไหร่...เพชรจะล่าตัวไอ้คนที่มันฆ่าพ่อด้วยตัวเองเลย” เพชรแท้บอกแววตามุ่งมั่นมาก
พรรณีมองเพชรแท้ ร้องไห้โฮ สงสารลูกจับใจ

ที่หน้าเรือนจำ ชนะศึกเดินมากับทนายจรัล สั่งอะไรสองสามคำเกี่ยวกับคดี
“ผมไม่ได้จะก้าวก่ายงานของตำรวจ แต่อยากให้คุณติดตามดูให้แน่ใจ ผมอยากให้ทุกอย่างมันรัดกุมแน่นหนาที่สุด ไม่ให้ไอ้เลวนั่นมันหลุดรอดไปได้”
“ผมเข้าใจครับ”
“ดี ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุด นึกซะว่าเห็นแก่คุณพ่อ”
“ครับ” จรัลรับคำ
ชนะศึกมองไปเห็นพิณทองกับพรรณีเดินออกมา ชนะศึกชะงัก หันไปบอกทนาย “คุณเข้าไปก่อน เดี๋ยวผมตามไป”
จรัลเดินไปแล้ว ชนะศึกมองไปที่พิณทอง ทั้งรักทั้งคิดถึง แต่ก็ยังเจ็บใจอยู่
พรรณีกับพิณทองเดินออกมา พรรณีนึกขึ้นได้
“ตายจริง แม่ลืมกระเป๋าที่ฝากไว้กับผู้คุม”
“เดี๋ยวพิณไปเอาให้จ้ะ”
“แม่ไปเอาเอง พิณรอตรงนี้นะลูก”
พรรณีเดินไปอย่างเร็วรี่ พิณทองยืนมองตามแม่ไป จนได้ยินเสียงดังขึ้นด้านหลัง
“ไม่นึกว่าจะเจอเธอที่นี่”
พิณทองหันมา พอเห็นเป็นชนะศึกก็ชะงัก วูบแรกความรู้สึกเก่าๆ ก็หวนคืนมา แต่พิณทองก็รีบสลัดความรู้สึกนั้นออกไปก่อนจะเดินหนี
“พิณทอง” ชนะศึกเดินมาขวางทางไว้ “เป็นอะไร เดี๋ยวนี้เราพูดกันไม่ได้เลยเหรอ”
พิณทองเบือนหน้าหนี “พิณไม่อยากพูดกับคุณ”
ชนะศึกชะงัก “ไม่อยากพูดกับฉัน”
พิณทองพยักหน้า ไม่ยอมมองหน้าชนะศึก
ชนะศึกมองพิณทองอย่างน้อยใจ
“งั้นก็ตามใจเธอ”
พิณทองหันตัวหนี ชนะศึกมอง ก่อนจะตัดใจหันหลังกลับ เดินไปเลย
พิณทองใจหล่นวูบ แต่พยายามกลั้นใจ ไม่ยอมหันไปดูชนะศึก น้ำตาคลอ พูดกับตัวเอง อย่างขมขื่น
“คนใจร้าย”
พิณทองน้ำตาไหลรินออกมา

ภายในห้องสอบสวน สารวัตรเจ้าของคดีกำลังสอบปากคำเพชรแท้ด้วยตัวเอง
“หลักฐานมันมัดแกแน่นมาก ว่าแกวางแผนฆ่าคุณธานินทร์ เพราะหวังมรดก ฉันว่าแกสารภาพมาซะดีกว่า โทษหนักจะได้เป็นเบา”
“ก็ผมไม่ได้ทำ”
สารวัตรตบโต๊ะ “ไม่มีใครเชื่อแกหรอก แกบอกความจริงมาดีกว่า แกใช้ปืนนั่นยิงคุณธานินทร์ใช่ไหม”
“ผมไม่ได้ทำ ผมจะฆ่าพ่อตัวเองทำไม” เพชรแท้ยืนกรานคำเดิม
“แต่คืนนั้น มันมีแค่แกที่อยู่กับเขา แล้วปืนก็เป็นของแก แกสารภาพมาดีกว่า แกหลอกพ่อของตัวเองไปฆ่า แล้วเผาบ้านเพื่อกลบเกลื่อนหลักฐานใช่ไหม”
“ผมบอกแล้วไง ผมไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ คิดดูสิ ถ้าผมทำ...ผมกล้าวางแผนหลอกพ่อไม่ฆ่าขนาดนั้นเนี่ย ผมจะทิ้งปืนไว้ในที่เกิดเหตุทำไม ทิ้งไว้ให้ตำรวจหาเจอหรือไง คิดดู”

สารวัตรนิ่ง คิดตามคำพูดของเพชรแท้
ชนะศึกเดินมาตามทางเดินของเรือนจำ โดยมีเจ้าหน้าที่เรือนจำเดินตามหลัง จังหวะนั้นเพชรแท้ถูกคุมตัวเดินผ่านมาพอดี

ชนะศึกเรียกไว้ “เดี๋ยวก่อน ว่าไงไอ้ฆาตกร จวนได้เวลาที่แกต้องชดใช้กรรมหรือยัง”
เพชรแท้อึดอัด “ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าพ่อ”
“คนอย่างแก ไม่มีสิทธ์มาเรียกพ่อฉันว่าพ่อ”
“เขาก็เป็นพ่อฉันเหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันควรจะเรียกลูกที่ฆ่าพ่อว่าอะไร...ไอ้ลูกทรพีเหรอ”
เพชรแท้โกรธจัด พุ่งตัวเข้าหาหมายจะทำร้ายเพชร แต่ผู้คุมจับตัวไว้ได้ทัน
“โธ่เอ้ย...ฉันบอกว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำ แต่ฉันยังไม่รู้เท่านั้นแหละว่าใครเป็นคนทำ บางทีอาจเป็นพวกแกก็ได้ที่ทำ อาจเป็นแม่แก น้องแก ใครก็ได้ที่เกลียดฉัน”
ชนะศึกโมโห “แกนั่นแหละที่ฆ่าพ่อฉัน หลักฐานทุกอย่างชี้ชัดอยู่แล้ว ฉันจะทำทุกอย่างให้ศาลเอาผิดแกให้ได้ เพชรแท้...แกต้องรับโทษต้องโดนประหาร ให้สมกับความเลวของแก จำเอาไว้”
เพชรแท้ถ่มน้ำลายใส่หน้าชนะศึก “ถุย...จะบอกให้นะ ถ้าฉันออกไปได้เมื่อไหร่ ฉันจะลากคอฆาตกรตัวจริงมาให้แกดู คอยดูก็แล้วกัน”
ผู้คุมลากตัวเพชรแท้ออกไป ชนะศึกยืนแค้นเข่นเขี้ยวอยู่ตรงนั้น

เวลาต่อมาเรืองโรจน์เดินลงมาที่หน้าคอนโด เจอชนกนันท์เข้ามาขวาง ทักทายเหยียดๆ
“สวัสดี”
เรืองโรจน์แปลกใจ “คุณนก มาที่นี่ได้ยังไงครับ”
“ฉันมีเรื่องจะถาม...แกทำงานอะไรให้แม่ฉัน”
เรืองโรจน์ทำไก๋ แถมตีฝีปากใส่ “งานอะไร ไม่ทราบครับ”
“อย่ามาทำไม่รู้เรื่อง ฉันได้ยินหมดแล้ว เรื่องที่แกคุยกับแม่ที่วัดเมื่อคืนนี้ แกบอกว่าแกทำงานอะไรซักอย่างให้คุณแม่ ทำไมถึงต้องปิดฉัน”
“ทำไมคุณไม่ไปถามคุณแม่คุณเอาเองล่ะ”
“ฉันถามแล้ว” เริ่มโกรธกรุ่นๆ “แม่บอกว่าไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ฉันอยากรู้ แกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้เรืองโรจน์ ระหว่างแกกับคุณแม่ มีความลับอะไรกัน”
“ผมว่าคุณนกเชื่อที่คุณแม่บอกดีกว่า อย่ายุ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของคุณเลย” เรืองโรจน์ยิ้มหยันขณะพูดประโยคต่อมา “เรื่องบางเรื่อง มันไม่น่ารู้เท่าไหร่หรอก รู้แล้วคุณอาจจะถึงขั้นช็อกตายไปเลยก็ได้”
จากนั้นเรืองโรจน์ก็เดินหนี ชนกนันท์โกรธจัด
“แต่ฉันอยากรู้ และฉันสั่งให้แกบอกฉัน”

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 11/2 วันที่ 18 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th