อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 11/3 วันที่ 19 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 11/3 วันที่ 19 พ.ย. 55

จากนั้นเรืองโรจน์ก็เดินหนี ชนกนันท์โกรธจัด
“แต่ฉันอยากรู้ และฉันสั่งให้แกบอกฉัน”
“คุณสั่งผมไม่ได้หรอก กลับไปถามแม่คุณดีกว่า อ้อ...แล้วไหนๆ ถ้าจะไปหาคุณแม่ ฝากเรียนด้วยนะครับว่าถ้าคุณอังคณาไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผมล่ะก็ ผมอาจจะกลายเป็นคนพูดมากขึ้นมาก็ได้”
เรืองโรจน์หัวเราะหึๆ อย่างเป็นต่อ แล้วเดินขึ้นรถ ขับออกไป ทิ้งให้ชนกนันท์ทั้งโมโห และสงสัยหนักกว่าเดิม

ไม่นานต่อมา ขณะที่อังคณากำลังสั่งให้คนใช้เก็บรูปธานินทร์อยู่ ชนกนันท์เดินทำท่าปึงปังเข้ามาหา
“คุณแม่คะ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”

“อะไรอีก”
อังคณาไม่พอใจมาก เดินขึ้นบันไดไป ชนกนันท์เดินตามไม่ลดละ

อังคณาเดินมาถึงหน้าห้องนอนแล้ว ชนกนันท์ตามมาติดๆ อังคณาชักหงุดหงิด รู้ว่าลูกสาวจะพูดเรื่องของตัวเองกับเรืองโรจน์
“แม่บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้ยุ่งกับเรื่องนี้อีก พูดไม่เชื่อหรือยังไง”



พูดจบอังคณาทำท่าจะเปิดประตูเข้าห้อง แต่ถูกชนกนันท์ขวางไว้
“จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไงคะ เมื่อก่อนมีอะไรแม่ก็บอกนกทุกอย่าง ทำไมเดี๋ยวนี้ต้องมีความลับกันด้วย”
“แม่ก็มีเรื่องของแม่ ถอยไป แม่ไม่อยากพูดกับแกแล้ว”
“ทำไมคะ ทำไมพูดไม่ได้ มีเรื่องอะไรเหรอคะที่นกรู้ไม่ได้ บอกนกมานะแม่ ว่าแม่กับเรืองโรจน์ทำอะไรกัน ทำไมให้ใครรู้ใครเห็นไม่ได้
ชนกนันท์จับแขนอังคณาเขย่าถามคาดคั้น
“บอกนกมานะแม่ ว่าแม่กับมันมีความลับอะไร นกเห็นแม่กับมันงุบงิบกันตั้งแต่ก่อนคุณพ่อเสียแล้ว แถมมันยังฝากมาทวงสัญญากับคุณแม่ด้วย บอกนกมาดีกว่า คุณแม่กับมันมีสัญญาอะไรกันเหรอคะ อย่าบอกนะว่าคุณแม่กับมัน...”
อังคณาสติแตกตบปากลูกสาวดังเผียะ ชนกนันท์ตะลึง ตกใจ
“ชนกนันท์ อย่าลืมนะว่าฉันเป็นแม่ของเธอ จะพูดอะไรก็ให้ระวังปากเอาไว้ด้วย เธอจะคิดว่าแม่ทำอะไรก็ตามใจ แต่อย่าคิดว่าแม่จะใฝ่ต่ำถึงเพียงนั้น”
อังคณาเดินหนีเข้าห้องนอนไป
ชนกนันท์ตื่นตะลึง น้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมา เสียใจมาก รำพึงกับตัวเอง
“แม่...แม่ทำกับนกอย่างงี้ได้ยังไง”
ส่วนอังคณาเดินเข้ามาในห้อง สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
“บ้าจริง ฉันทำลงไปได้ยังไง” พลางก้มมองดูมือตัวเองที่ตบชนกนันท์เมื่อกี๊ “เรืองโรจน์นะเรืองโรจน์ ทำไมถึงได้ทำแบบนี้”

อังคณาเครียดจัด
วันต่อมา พรรณีบากหน้าพาตัวเองมาอยู่ที่บ้านเจ๊วิไล เจ้าของ “วิไล เงินกู้” ที่เคยยึดจักรเมื่อครั้งก่อน ภายในบ้านนอกจาก พรรณี ยังมีพิณทอง และป้าสำอางค์ นั่งคุยอยู่ด้วย

วิไลมองจิกพรรณี หัวจรดเท้า “อ๋อ ตกลงก็ยังเป็นช่างเย็บผ้าอยู่เหมือนเดิม แล้วรายได้เดือนเท่าไหร่ล่ะ”
สำอางค์ตอบแทน “ตอนนี้พรรณีเขาเป็นลูกจ้างรายวัน อยู่ที่ร้านสุรีรัตน์ ร้านใหญ่เลยนะ เขารับตัดชุดแต่งงานชุดนึงเป็นหมื่นๆ ใช่ไหมพรรณี”
“ใช่จ้ะ” พรรณียิ้มๆ
“ชุดน่ะเป็นหมื่น แต่ค่าแรงเธอน่ะเท่าไหร่ วันละห้าร้อย หรือแปดร้อย” พรรณีจ๋อย “แล้วจะเอาที่ไหนมาส่งฉัน เงินประกันลูกเธอตั้งแปดแสน เธอต้องส่งฉันเดือนละหมื่นนึงนะ”
“ยังไงก็ต้องไหวจ้ะ ลูกชายฉันทั้งคน”
“หนูจะหางานทำ ช่วยแม่ด้วยจ้ะ เราจะช่วยกันหาเงินมาให้ป้าให้ได้” พิณทองว่าเสริม
วิไลด่าจิกหัวพิณทอง “อวดเก่ง! ถ้าหาได้จริง ทำไมไม่มาใช้หนี้เก่าซะทีล่ะ ไม่เอาหรอก ของเก่าไม่ใช้ ของใหม่จะมายืมอีก”
พรรณีอ้อนวอน “เมตตาฉันด้วยเถอะนะจ๊ะ เจ๊วิไล นึกว่าเอาบุญ”
“บุญอะไร ฉันตักบาตรปีละหนก็พอแล้ว” ลุกหนีเลย “เงินฉันเก็บไว้เฉยๆ ไม่เน่าไม่เสีย ทำไมต้องเอามาเสี่ยงกับพวกเธอ ทั้งแม่ทั้งลูกมีแต่น้ำลายทั้งนั้น หลักทรัพย์อะไรก็ไม่มี ไปๆๆ พากันออกไปได้แล้ว เสียเวลาทำมาหากิน”
วิไลไล่ตะเพิดพรรณีกับพิณทองช่วยกันวิงวอน
“เจ๊ เจ๊จ๋า...ช่วยเหลือกันซักครั้งเถอะจ้ะ”
“ช่วยพี่ชายหนูด้วยนะคะ ป้า หนูไหว้ล่ะ”
วิไลไม่ยอม สุดท้ายสำอางค์ตัดสินใจ
“เอางี้เจ๊วิไล” สำอางควักโฉนดที่ดินออกมาจากกระเป๋าสะพายใบใหญ่ “ถ้าอยากได้หลักทรัพย์ค้ำประกันล่ะก็...เอาของฉันไปก็แล้วกัน”
พรรณีตะลึงมองสำอางค์อย่างเกรงใจ “พี่...”
สำอางค์มองหน้าวิไล “ฉันมีเท่านี้”
วิไลกระชากไปดู
“โฉนดอะไรของแก”
“ที่นาของแม่ฉัน อยู่ที่สุโขทัยนู่น ทั้งหมดหกสิบกว่าไร่ ชั่วๆ ดีๆ ก็คงพอมีราคาบ้างล่ะ”
พรรณีสะท้อนใจ “พี่สำอางค์ นี่มันมรดกตกทอดของแม่พี่นะ ตั้งแต่ปูย่าตายาย ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”
“เฉยไว้เหอะน่า ฉันจัดสินใจแล้ว ไหน ๆ จะช่วยแล้ว ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด” สำอางค์หันไปเจรจากับวิไล “ว่ายังไงเจ๊ ตกลงจะประกันหลานฉันให้ไหม”
วิไลมองโฉนดแล้วมองสำอางค์ นิ่งคิด ไม่ยอมตอบ

ไม่นานต่อมาตรงร้านรับจ้างเย็บผ้าริมฟุตบาท เป็นร้านเล็กๆ มีเพียงจักรเย็บผ้าตั้งไว้ รับงานเย็บ ปะ ซ่อม เล็กๆ น้อยๆ ลูกค้าละแวกนั้น พรรณีกำลังยืนคุยกับเจ๊เจ้าของที่ท่าทางใจดี
“คิดค่าเช่าวันละร้อย เปิดร้าน เก้าโมง ปิดสองทุ่ม เธอจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ เข็มกับด้ายต้องหามาเองนะ”
“จ้ะ”
“แถวนี้มีคนผ่านเยอะแยะ ถ้าขยันนะ วันหนึ่งๆ เธอต้องได้กำไรอยู่แล้ว”
พรรณียิ้ม ดีใจ “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีซีจ๊ะ ฉันจะได้เก็บเงินเอาไว้ช่วยลูก”
“ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ”
เจ๊เจ้าของที่เดินออกไป พรรณีเดินไปดูจักรใกล้ๆ สำรวจดูนั่นดูนี่

เวลาเดียวกันอังคณานั่งอยู่ที่เบาะหลังในรถหรู ที่มีศักดาเป็นคนขับ รถแล่นมาบนถนนสายหนึ่ง อังคณาคุยโทรศัพท์อยู่กับเรืองโรจน์ สุ้มเสียงไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“วันก่อนทำไมพูดกับยัยนกอย่างนั้น ฉันบอกแล้วใช่ไหมเสร็จงานแล้วฉันจะจัดการให้ พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง...ไม่ต้องมาเตือนฉัน งานแกเองก็ยังไม่เสร็จ แล้วรู้ไหมจะมีคนประกันตัวไอ้เพชรออกมา แบบนี้จะให้ฉันนิ่งนอนใจได้ยังไง”
อังคณากดวางไป ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
“แค่จะเอาคนเข้าคุก ไม่รู้จะต้องพิจารณาอะไรกันให้วุ่นวาย เสียเวลาเหลือเกิน”
รถแล่นขยับไปได้อีกนิดหน่อย จู่ๆ มีรถยนต์เสียจอดขวางอยู่ข้างหน้า ศักดาหยุดรถ
อังคณาแหวใส่ “อะไรอีกละ”
“รถเสียครับ”
“ก็แซงไปซี”
โลกแคบอะไรอย่างนี้ อังคณานั่งเซ็งพลางกวาดสายตามองไปด้านนอกรถ แต่แล้วก็หันไปเห็นพรรณีนั่งรับจ้างเย็บผ้าอยู่ที่ริมถนน มีลูกค้าเอากางเกงยีนส์มาให้ซ่อม อังคณาชะงัก ความไม่พอใจยิ่งพุ่งพล่านมากขึ้นอีก จึงสั่งศักดา
“เดี๋ยวๆ เข้าไปจอดในซอยทางนั้นหน่อย”
“จอดทำไมเหรอครับ”
อังคณารำคาญคำถามของศักดา “ฉันมีธุระ”
ศักดาไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอถึงซอยก็เลี้ยวเข้าไปจอด
“รออยู่ที่นี่แหละ”
อังคณากำชับขณะลงจากรถ เหมือนมีแผนใจใน

เวลานั้นมีลูกค้ามาสั่งงานแล้วเดินออกไป พรรณีทำหลอดด้ายตก หลอดกลิ้งไปพรรณีมองตามไป เห็นเป็นเท้ามีเท้าใครคนหนึ่งเหยียบหลอดด้ายไว้ พรรณีเงยหน้าขึ้นมองเห็นเป็นอังคณา ที่กำลังแสยะยิ้มมองหน้าท่าทางสะใจ พรรณีมองอังคณาอย่างโกรธแค้น
“แก!”
อังคณาก้มลงเก็บหลอดด้ายถือไว้ในมือ เดินเข้ามาใกล้พรรณี
“มาหากินอยู่แถวนี้เองเหรอ ที่จริงที่นี่ก็เหมาะกับแกดีนะ ข้างถนน”
พรรณีมองหลอดด้าย “เอาคืนมานะ”
อังคณาทำเหมือนจะส่งหลอดด้ายให้ พรรณีรับ แต่แล้วอังคณาก็ปล่อยหลอดด้ายทิ้งลงที่พื้น
พรรณีโกรธ อังคณาสะใจ พูดเหยียดเย้ย
“กำลังหาเงินประกันลูกเหรอ คิดเหรอว่าไอ้งานเย็บผ้าขี้ริ้วกระจอกๆ มันจะช่วยได้” พลางหยิบผ้าที่อยู่บนจักรทิ้งลงพื้น) อย่าหวังเลย ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้มันได้ออกมา”
“เพชรมันจะต้องได้ออกมา เพราะมันไม่ผิด ดวงวิญญาณของคุณธานินทร์ต้องช่วยมัน ดลใจให้ตำรวจจับตัวคนที่ฆ่าเขาให้ได้ มันจะต้องได้รับโทษ ชดใช้สิ่งที่มันทำกับเขา คอยดูซี พอลูกฉันได้ออกมา เขาจะต้องพิสูจน์ความจริงได้ แล้วคนที่จะต้องเข้าคุก” มองจ้องอังคณา “อาจจะเป็นแกก็ได้”
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ”
“เพราะคนที่คิดฆ่าธานินทร์ได้ ก็มีแต่แกเท่านั้น เพียงแต่มันยังไม่มีหลักฐานสาวไปถึงตัวแกแค่นั้น”
อังคณาลอยหน้าบอก “แล้วคิดเหรอว่าหลักฐานมันจะสาวมาถึงตัวฉันได้”
พรรณีอึ้ง ตะลึงงัน “นี่แกหมายความว่า...”
“ใช่ ฉันนี่แหละ ที่ฆ่าธานินทร์ แล้วโยนความผิดให้ลูกแก เป็นไง เจ็บใจไหม ที่ทำอะไรฉันไม่ได้ ฉันเองนี่แหละที่หลอกให้ลูกกับผัวฉันไปเจอกัน แล้วก็เผาบ้านนั้นจนวอดเหลือแต่ขี้เถ้า”
พรรณีแค้นจัด “แก...ไอ้ฆาตกร แกมันชั่ว เลว”
“ใช่ ฉันชั่ว ฉันเลว เพราะฉันต้องการแก้แค้น ที่แกกับผัวฉันทำเจ็บแสบมาก แล้วฉันก็จะทำอีก ฉันไม่หยุดแค่นี้หรอก แกกับฉันจะต้อง...”
พรรณีทนไม่ไหวตบหน้าอังคณาทันทีเสียงดังเผียะ! อังคณาตกตะลึง คาดไม่ถึงโกรธจนตัวสั่น
“กล้าทำฉันเหรอ”
อังคณาปรี่เข้ามาหา แล้วตบหน้าพรรณีสุดแรง พรรณีเซถอยหลังไป อังคณาไม่ยอมหยุดตามไปตบพรรณีอีก พรรณีจะตบตอบ แต่อังคณาจับแขนพรรณีไว้ แล้วผลักจนพรรณีไปกระแทกจักร ล้มลงกับพื้น
“แกกับฉันมันต้องตายกันไปข้างนึง เอาซี...มาเลย...”
อังคณาตบพรรณีไม่เลี้ยง พรรณีไม่มีทางสู้
จนเจ๊เจ้าของร้านมาห้าม ดึงตัวอังคณาออก
“อย่าตีกัน อย่าตีกัน”
เจ๊เจ้าของร้านประคองพรรณีขึ้น พรรณีมองอังคณาอย่างแค้นเคียง
“แกกับฉัน มือคนละชั้นกัน จำไว้”
อังคณาเดินออกไป พรรณีมองตาม ร้องไห้ด้วยความคับใจกับเรื่องที่รู้ว่าอังคณาเป็นคนวางแผนฆ่าธานินทร์

อังคณาเดินกลับมาที่รถ เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งหน้าตาสะใจมาก ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือดัง อังคณากดรับ
“ฮัลโหล ว่าไง มีอะไร”
เป็นเรืองโรจน์ที่โทร.มา
“ผมมีข่าวไม่ดีครับ ศาลพิจารณาให้ประกันตัวไอ้เพชรแท้แล้ว”
“หา” อังคณาตกใจ “มันได้ประกันตัวแล้วเหรอ”

สีหน้าอังคณาขณะมองไปยังพรรณี ดูออกว่าแค้นอาฆาตและพยาบาทสุดๆ
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพรรณีที่หน้าเรือนจำแล้วเอ่ยขึ้น

“รอตรงนี้ซักครู่นะครับ”
พรรณีพยักหน้ารอคอยด้วยความตื่นเต้น พิณทอง ผึ้ง และป้าสำอางค์รออยู่ด้วย
ครู่หนึ่งนั้นประตูเรือนจำเปิดออก เจ้าหน้าที่คุมตัวเพชรแท้เดินมา ทุกคนมองเพชรแท้อย่างดีอกดีใจ
“เพชร” พรรณียิ้มร้องเรียกลูกชาย
“แม่”
เพชรแท้นั่งคุกเข่าก้มลงกราบพรรณีอย่างตื้นตัน พรรณีนั่งตาม สองแม่ลูกกอดกันกลม
“แม่นึกว่าจะไม่ได้กอดลูกอีกแล้ว” พรรณีพูดพร้อมกับลูบหัวลูบตัวปลอบขวัญ “ขวัญเอ๊ย ขวัญมา นะลูกแม่”
แม่ลูกกอดกันกลม พรรณีหอมเพชรแท้ไปมา สีหน้าเปี่ยมสุข
พิณทองนั่งลงข้างๆ เพชรแท้หันมาหาน้องสาวที่น้ำตาไหลอยู่ ลูบหัวปลอบ
“ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องร้องนะ”
สามแม่ลูกประคองกันลุกขึ้นยืน
เจ้าหน้าที่บอกกับเพชรแท้
“แค่ได้ประกันตัวนะน้อง ไม่ใช่พ้นโทษ ทำตัวดี ๆ ล่ะ ไม่งั้นได้กลับเข้ามาใหม่แน่”
“ผมไม่ก่อเรื่องหรอกครับ”
เจ้าหน้าที่พยักหน้าดุ ๆ และกลับเข้าไป ปิดประตูเรือนจำ
เพชรแท้หันมาทางป้าสำอางค์ ก็นั่งลงกราบที่เท้าอีกคนด้วยความซาบซึ้งตื้นตันใจ
“เพชรขอบพระคุณป้ามากครับ ถ้าไม่ได้ป้าช่วย เพชรคงไม่ได้ออกมา”
สำอางค์ดึงตัวเพชรแท้ให้ลุกขึ้นมา “อะไรกันลูก ไม่เอา ๆ ขึ้นมาเถอะ”
ผึ้งเข้าไปหา “พี่เพชรจ๊ะ ผึ้งดีใจกับพี่เพชรด้วยนะ”
ทั้งหมดกอดกันร้องไห้ด้วยความดีใจ แต่สีหน้าเพชรแท้ยามนี้เหมือนยังมีอะไรติดอยู่ในใจ

เวลาต่อมา ชนะศึกได้รู้ข่าวของเพชรแท้จากทนายจรัล
“ศาลให้ประกันตัวไปแล้วเหรอ บ้าจริง ปล่อยไปได้ยังไง ไอ้นั่นมันฆาตกรฆ่าพ่อผมนะคุณ”
“ตราบใดที่คดียังไม่ตัดสิน นายเพชรแท้ก็เป็นแค่ผู้ต้องสงสัยครับ ศาลสามารถให้ประกันตัวได้”
ชนะศึกงวยงง “แต่ทุกอย่างมันก็ชี้ชัดอยู่แล้ว ทั้งพยานหลักฐาน ทั้งแรงจูงใจ คุณจะเอาอะไรอีก ทำไมศาลไม่ตัดสินลงโทษมันไปเลย รออะไร”
“ใจเย็นๆ ครับ คุณชนะ ถ้านายเพชรแท้ผิดจริง ยังไงก็ไม่รอดแน่ แค่ได้ประกันตัวออกไป ไม่ได้แปลว่าเขาจะพ้นผิด”
“โอเค ก็ได้! แต่คุณจำเอาไว้นะ คุณจรัล ถ้าผมเอานายเพชรแท้เข้าคุกไม่ได้ ผมไม่มีวันเลิกรา”
สีหน้าชนะศึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้น

ตอนเย็นวันนั้น อังคณาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น พูดออกมาอย่างฉุนเฉียว
“แม่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน ไอ้นายประกันหน้าโง่คนไหนไปประกันมันออกมา แม่จะไปคัดค้านเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด”
“ตำรวจเขาก็ค้านแล้วล่ะครับ แต่ไม่สำเร็จ”
“แล้วไง จะปล่อยให้มันได้ลอยนวลไปอย่างนี้น่ะเหรอ ไม่ได้นะ ชนะ ลูกต้องทำอะไรสักอย่างซี เอางี้ โทร.ไปนัดผู้การสวัสดิ์เลย ดูซีว่าเขาจะทำอะไรได้แค่ไหน”
“ผมจะนัดให้พรุ่งนี้เลย ผมเองก็อยากทำทุกอย่างให้มันกลับไปอยู่ในคุก” ชนะศึกมองหน้าอังคณา พูดด้วยความแค้น “ใครฆ่าพ่อ ผมไม่ปล่อยหรอก ผมอยากจะให้มันตายตามพ่อไปด้วยซ้ำ”
แม้จะรู้ว่าชนะศึกหมายถึงเพชรแท้ แต่วัวสันหลังหวะอย่างอังคณาก็อดหวั่นใจกับคำพูดของลูกชายไม่ได้

ด้านเพชรแท้อยู่ที่หน้าบ้าน กำลังคิดถึงธานินทร์ และอดเศร้าไม่ได้ พรรณียืนมองอยู่สักครู่ แล้วเดินมาหา
“คิดถึง “พ่อ” เหรอลูก”
เพชรแท้พยักหน้า “เมื่อไม่กี่วันนี้เอง พ่อมาหาเพชรที่บ้านนี่ เพชรไม่นึกเลยว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ ไม่น่าเลย”
พรรณีหยุดคิดไปนิดหนึ่งก่อนพูดออกมา “เพชร...แม่มีอะไรจะบอก” เพชรแท้หันมามอง “วันนี้ อังคณาเขาไปที่ร้านแม่”
เพชรแท้ฉุนกึก “มันทำอะไรแม่หรือเปล่า”
“ไม่สำคัญหรอก...เรื่องที่เขาพูดกับแม่ต่างหากที่สำคัญ”
“มันพูดอะไร”
“เขาบอกว่า...เขาเป็นคนฆ่าคุณธานินทร์”
เพชรแท้ตกตะลึงตาค้าง “หา”
“เขาพูดอย่างนั้นจริงๆ เขาบอกว่าเขาเป็นคนสั่งฆ่าคุณธานินทร์ แล้วโยนความผิดให้ลูก”
“มันทำอย่างนั้นทำไม เพื่ออะไร” เพชรแท้ไม่อยากเชื่อ
“เขาต้องการแก้แค้นคุณธานินทร์ เขาต้องการแก้แค้นพวกเรา”
เพชรแท้สบถ ดวงตาวาววับ “เลวบัดซบ! ผมนึกอยู่แล้วเชียวว่าอาจจะเป็นมัน” ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น “มันฆ่าพ่อ แล้วมันยังกล้ามาคุยอวดดีอีกเหรอ”
“เขาไม่กลัวหรอก เขาบอกว่าไม่มีหลักฐานที่จะสาวไปถึงตัวเขาได้”
เพชรแท้นิ่งคิดด้วยความแค้น “มันก็ไม่แน่หรอกแม่ ถ้าเราจี้ให้ถูกจุด หลักฐานมันอาจจะหลุดออกมาก็ได้”
“เพชรจะไปทำอะไรเขา...” พรรณีตกใจ “อย่านะ”
“เพชรไม่ทำอะไรใครหรอกแม่ แค่จะหาวิธีพิสูจน์ความจริง เรื่องนี้เท่านั้นเอง”

เช้านั้น ภายห้องนั่งเล่นบ้านอังคณา มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และกรีดเสียงดังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชนกนันท์จะเดินเข้ามารับสาย
“ฮัลโหล บ้านเลิศชัยวัฒน์ค่ะ”
เป็นเรืองโรจน์ซึ่งอยู่ที่คอนโดโทร.มา
“ขอพูดกับคุณอังคณาหน่อย ผมมีเรื่องด่วน”
ชนกนันท์จำเสียงได้ “คุณแม่อยู่ข้างบน แต่งตัวอยู่ กำลังจะออกไปข้างนอก มีอะไรเหรอ”
“ผมมีเรื่องสำคัญมาก เอาโทรศัพท์ขึ้นไปให้แม่คุณหน่อย” เรืองโรจน์บอก
“บอกฉันมาเลยก็ได้ เดี๋ยวฉันบอกกับคุณแม่เอง”
เรืองโรจน์ไม่ยอม “ไม่ได้ครับ ผมต้องพูดกับคุณอังคณาคนเดียวเท่านั้น”
ชนกนันท์นิ่งไปนิดหนึ่ง “ก็ได้ รอเดี๋ยวนะ”

ไม่นานนัก ชนกนันท์เดินมาหยุดเคาะประตูห้องนอนอังคณา ครู่หนึ่งอังคณาเปิดประตูออกมา
“มีอะไร”
ชนกนันท์ส่งโทรศัพท์ไร้สายให้ “เรืองโรจน์โทรมาหาคุณแม่ค่ะ”
อังคณารับโทรศัพท์มา แล้วมองชนกนันท์เป็นทำนองไล่ให้ไป ชนกนันท์จึงเดินไป แต่ทันทีที่อังคณาปิดประตู ชนกนันท์ก็เดินกลับมา แล้วแอบฟัง

อังคณาพูดสายกับเรืองโรจน์
“เรืองโรจน์เหรอ มีอะไร”
“คนของเราติดต่อมา มันรู้สึกว่ามันกำลังถูกตำรวจตาม”
“ตามทำไม ก็เขาได้ตัวไอ้เพชรแท้แล้ว”
“ผมก็ไม่รู้ มันบอกผมอย่างนั้น”
“แล้วมาบอกฉันทำไม”
“มันต้องการเงินอีกก้อน ซักแสนนึง ไว้สำหรับหนี”
อังคณา โมโหของขึ้นทันที “ก็ฉันให้ไปตามที่ตกลงแล้ว ยังจะมาเรียกร้องอะไรอีก จะหนีก็หนีไปซี เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
ชนกนันท์แอบฟังอยู่ที่หน้าห้อง ได้ยินเสียงพูดอังคณาดังลอดออกมา แต่ยังปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ได้
“แต่ถ้ามันหนีไม่พ้น แล้วถูกจับได้ อันตรายก็จะมาถึงคุณนะครับ คิดให้ดีๆ” เรืองโรจน์ว่า

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 11/3 วันที่ 19 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th