อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 12/3 วันที่ 21 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 12/3 วันที่ 21 พ.ย. 55

เรืองโรจน์ว่าพลางยกกระเป๋าขึ้นมา มองซ้ายมองขวานิดหนึ่ง ก่อนจะส่งกระเป๋าใบนั้นให้เมียของยักษ์
“เงินอยู่ในกระเป๋านี่”
เพชรแท้ยิ่งสนใจฟัง
“ในนั้นน่ะล้านนึง แล้วฝากไปบอกไอ้ยักษ์ด้วย ถ้ามันยอมรับว่าทำผิดคนเดียว ไม่ซัดทอดมาถึงฉันหรือเจ้านาย พอศาลตัดสิน แล้วพวกฉันปลอดภัย เธอก็จะได้อีกเก้าล้าน”
เมียยักษ์พยักหน้า เพชรแท้พอใจได้รู้เบาะแสอะไรบางอย่างแล้ว

ครู่ต่อมาเมียยักษ์เดินออกมาจากร้านเพียงลำพัง ท่าทางระแวดระวัง เมียยักษ์เดินกอดกระเป๋าใส่เงินแน่น เดินตรงไปที่ริมถนน เพื่อเรียกแท็กซี่ เมียยักษ์ชะเง้อชะแง้ เพชรแท้เดินเข้ามาใกล้ๆ เมียของยักษ์เริ่มระแวง นึกตกใจ ขยับจะหนี เพชรแท้จับแขนเมียยักษ์เอาไว้



“อย่าหนีนะ!”
“แกจะทำอะไรฉัน...ปล่อย”
เพชรแท้บีบแขนแน่น “แกจำฉันไม่ได้เหรอ ฉันชื่อเพชรแท้ ลูกชายของนายธานินทร์ เลิศชัยวัฒน์ คนที่ผัวแกฆ่าตายไง! ทีนี้จำได้ยัง”
เมียยักษ์ตกใจแทบช็อค เข่าอ่อนไปเลย ยกมือไหว้ขอร้องปลกๆ

“ปล่อยฉันเถอะนะ...ฉันขอโทษ”
ชนกนันท์กับชนะศึกเดินปรี่เข้ามาที่สถานีตำรวจ ท่าทางเร่งร้อน ครู่ต่อมาสองพี่น้องนั่งอยู่ภายในห้องสารวัตร ที่แจ้งความคืบหน้าเรื่องคดี

“คนที่นำเงินมาให้เมียนายยักษ์ เพื่อเป็นค่าจ้างปิดปาก คือนายเรืองโรจน์ อธิกร ครับ”
ชนกนันท์กับชนะศึกตกใจมาก
“เรืองโรจน์เหรอ”
“เรืองโรจน์เป็นคนสั่งฆ่าพ่องั้นหรือ” ชนกนันท์คาใจ
“ลำพังเรื่องความแค้นที่โดนไล่ออกจากงาน นายเรืองโรจน์ไม่น่าลงทุนทำถึงขนาดนี้...เมียนายยักษ์บอกว่า ถ้าหากนายยักษ์ยอมรับผิด ไม่ให้การซัดทอดไปถึงใคร นายเรืองโรจน์จะให้เงินสดๆ สิบล้านบาทเป็นค่าปิดปาก”
“เงินสดสิบล้านเชียวเหรอ เรืองโรจน์จะไปเอามาจากไหน” ชนะศึกไม่อยากเชื่อ
“นั่นนะซี...ลำพังเงินก้อนแรกที่อยู่ในกระเป๋า ที่เรายึดไว้เป็นของกลางน่าก็ล้านนึงแล้ว”
พลางสารวัตรหยิบกระเป๋าของกลางขึ้นมา
ชนะศึกตะลึง กระเป๋าใบนั้นคือกระเป๋าที่เรืองโรจน์ได้จากอังคณาไปเมื่อวาน
ชนกนันท์ก็ตะลึงเช่นกัน เพราะเธอจำได้ว่ากระเป๋าใบนั้น เหมือนกระเป๋าใบที่อังคณาถืออกจากบ้านไม่มีผิด

ชนะศึกเดินออกมาหน้าห้องสารวัตร ท่าทีเงียบขรึม นั่งลงที่เก้าอี้ก้มหน้าใช้มือกุมหน้าผาก เครียดจัด
จังหวะนั้นที่ห้องข้างๆ กัน เพชรแท้เปิดประตูเดินออกมา เห็นชนะศึกจึงเดินเข้าไปหา
“เป็นไง คราวนี้รู้หรือยังว่าใครเป็นตัวการฆ่าพ่อ”
ชนะศึกมองหน้าเพชรแท้ รู้ว่าเพชรแท้หมายถึงอังคณา ซึ่งเขาเองก็รู้ แต่ไม่อยากยอมรับ จึงพูดบ่ายเบี่ยง
“รอให้ตำรวจเป็นคนพิสูจน์ดีกว่า”
เพชรแท้เหน็บ “ทำใจไม่ได้ซีนะ...ฉันเข้าใจ มันไม่ง่ายหรอกที่จะยอมรับว่าแม่ของตัวเองเป็นผู้ร้ายฆ่าคน”
“แกไม่มีหลักฐาน” ชนะศึกเถียง
เพชรแท้ยิ้มเยาะ “ก็ไอ้เรืองโรจน์นั่นไง นึกเหรอว่าถ้ามันโดนจับ มันจะไม่พาแม่แกเข้าคุกไปด้วย”
“แม่ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับมัน”
เพชรแท้จ้องชนะศึกนิ่ง แวบหนึ่งนั้นก็อดรู้สึกเห็นใจชนะศึกไม่ได้เหมือนกัน “เดี๋ยวเราคงได้รู้กัน...แต่บอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่ปล่อยแม่แกลอยนวลแน่ๆ”
เพชรแท้เดินหน้าเหี้ยมออกไป
ชนกนันท์เปิดประตูออกมา เห็นเพชรแท้เดินไป มองตามตาขวางแล้วหันมาถามชนะศึก
“มันมาหาเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าคะ”
“เปล่า”
ชนะศึก และชนกนันท์เครียดพอกัน

คืนนั้นชนกนันท์กลับบ้านอย่างค้างคาใจ กำลังย่องเข้ามาในห้องอังคณา ตรงดิ่งเข้าไปที่ห้องเก็บเสื้อผ้า เปิดตู้ใบใหญ่ที่เก็บกระเป๋า และรองเท้าของอังคณา รื้อตู้หากระเป๋าใบนั้นอย่างร้อนรน
ชนกนันท์หาไปเรื่อยๆ ใบแล้วใบเล่า แต่ไม่เจอชนกนันท์หน้าเสีย พึมพำ
“อยู่นะ ขอร้องล่ะ ขอให้อยู่เถอะ”
ชนกนันท์รื้อไปเรื่อยๆ จนหมดตู้ ดึงกระเป๋าใบสุดท้ายออกมาจากตู้ กระเป๋าหลายสิบใบกองเกลื่อนรอบตัว แต่ไม่มีกระเป๋าใบนั้นอยู่เลย
“ไม่มีจริง ๆ ด้วย ไม่จริง ต้องมีซี”
เสียงอังคณาดังขึ้น “ยัยนก”
ชนกนันท์สะดุ้งเฮือก หันมา เห็นอังคณายืนจังก้าอยู่ด้านหลัง มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
อังคณาหน้าตาดุดัน ถามเสียงเหี้ยม “เข้ามารื้อของในห้องแม่ทำไม”
ชนกนันท์กลืนน้ำลายลงคอ กลัวก็กลัว แต่จากสภาพการณ์จะโกหกไม่ได้แล้ว เลยตัดสินใจ
“นกมาหากระเป๋า”
อังคณา ถามเสียงเครียด “กระเป๋าอะไร”
“กระเป๋าสีดำ ใบใหญ่ๆ ที่คุณแม่เอาใส่ของไปเมื่อวันก่อนน่ะค่ะ จำได้ไหมคะ”
อังคณาฉงน “จะหาไปทำไม”
“นก...จะขอยืม แม่เอาไปไว้ที่ไหนคะ มันไม่อยู่ที่นี่ นกหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ”
อังคณานิ่งไป รู้แล้วว่าลูกสาวสงสัยตน ชนกนันท์มองอังคณา กลั้นใจถาม
“กระเป๋าใบนั้นอยู่ไหนคะ แม่”
อังคณาหันมา มองหน้านก นิ่งนาน ก่อนจะพูดเสียงเรียบ
“แม่ทำหายไปแล้ว...ออกไปจากห้องแม่ แล้วตั้งแต่นี้ต่อไปอย่าได้เข้ามาวุ่นวายในห้องแม่แบบนี้อีก เข้าใจไหม”
ชนกนันท์ยังนิ่งอยู่ เสียใจท่วมท้น ไม่ตอบอะไร
“เข้าใจไหม”
ชนกนันท์รู้สึกตัว “ค่ะ”
ชนกนันท์เดินออกไป ปิดประตูลง อังคณามองตาม

ชนกนันท์วิ่งเข้ามาในห้องทรุดลงไปที่โซฟา ร้องไห้โฮ มั่นใจแล้วว่าอังคณาคือตัวการอยู่เบื้องหลังการสั่งฆ่าพ่อแน่นอน

เวลาต่อมาโทรศัพท์มือถือของเรืองโรจน์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานที่คอนโดดังขึ้น ครู่หนึ่งเรืองโรจน์เข้ามา แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“ครับ...คุณอังคณา”
อังคณาอยู่ในห้องนอนพูดโทรศัพท์ ท่าทางลนลานกลัวความผิดจะมาถึงตัว
“ทำงานประสาอะไร รู้ไหม แกทำพวกเราเดือนร้อนกันไปหมดแล้ว”
เรืองโรจน์งง “เดี๋ยวก่อนครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
อังคณาด่าอย่างเกรี้ยวกราด
“ก็ไอ้เมียของคนที่แกจ้างไง มันหักหลังแกเข้าให้แล้ว มันเพิ่งสารภาพกับตำรวจ ว่าแกเป็นคนจ้างผัวมันฆ่าคุณธานินทร์!”
เรืองโรจน์ตกใจ “หา! คุณรู้ได้ยังไง”
“ตำรวจตามลูกๆ ของฉันไปสอบปากคำแล้วน่ะซี” อังคณาโวยวาย “แกตกลงกับมันยังไงหา เรืองโรจน์ ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ แล้วนังนั่นมันจะพูดถึงฉันหรือเปล่า เรื่องมันลามปามมาถึงฉันไหม...” เห็นเรืองโรจน์เงียบไป “นี่ แกฟังฉันอยู่หรือเปล่า”
ที่นอกห้องเรืองโรจน์ มีแสงไฟสีแดง และน้ำเงินจากไฟสัญญาณรถตำรวจสาดแวบๆ ส่องเข้ามาในห้อง เรืองโรจน์เดินไปดูที่หน้าต่าง ด้วยความแปลกใจ
เรืองโรจน์มองลงไปที่หน้าคอนโด เห็นรถตำรวจ 2-3 คัน แล่นเข้ามาจอด ตำรวจหลายคนลงมาจากรถ
เรืองโรจน์บอกเสียงเครียด “ตำรวจมาที่นี่”
อังคณาตกตะลึง “ว่าไงนะ”
“พวกมันต้องมาจับผมแน่ ๆ ผมอยู่ไม่ได้แล้ว”
“เดี๋ยว เรืองโรจน์ แกจะไปไหน”
“แล้วผมจะโทรไปหาคุณอีกที”
เรืองโรจน์วางสาย แล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที
อังคณาวางสาย หน้าซีดเผือด
“ถ้าแกโดนตำรวจจับ ฉันจะทำยังไงดี”

อังคณาคิดหาทางเอาตัวรอด
ทางด้านเรืองโรจน์ออกมาจากห้อง มองซ้ายมองขวา แล้วรีบวิ่งไปที่บันไดหนีไฟ เดินแกมวิ่งหนีลงไป ตำรวจ 2 คนกำลังวิ่งขึ้นบันไดมา เห็นเรืองโรจน์พอดี เรืองโรจน์หันหลังกลับวิ่งขึ้นไปที่ทางเดิน

ประตูลิฟต์เปิดออก ตำรวจ 2-3 คน ออกมา เห็นเรืองโรจน์วิ่งอยู่ จึงวิ่งตาม ผู้หมวดหัวหน้าทีมสั่งการ
“จ่า ลงไปดูข้างล่าง”
“ครับ”
เรืองโรจน์วิ่งลงบันไดหนีไฟ ตำรวจ 2-3 คน วิ่งไล่ตามไปติดๆ

เรืองโรจน์ลงบันไดหนีไฟ มีตำรวจ 2-3 คนวิ่งไล่ตาม เรืองโรจน์หนีลงมาถึงชั้นล่าง หาที่ซ่อนตัวหลังเสาข้างคอนโด ตำรวจตามมาจึงมองไม่เห็น ครู่หนึ่งเรืองโรจน์ค่อยๆ เดินออกมาที่ข้างคอนโด แอบอยู่ข้างรถคันหนึ่ง เห็นตำรวจยังเดินไปเดินมา เรืองโรจน์เครียด เหงื่อแตก
เรืองโรจน์เดินหนีไม่ทันระวัง มีรถยนต์ขับมาพุ่งชนเรืองโรจน์จนล้มไปกองกับพื้น ตำรวจคนหนึ่ง เห็นว่ามีอุบัติเหตุจึงรีบมาดู เห็นเรืองโรจน์นอนสลบอยู่ แต่พอตำรวจเข้ามาใกล้ เรืองโรจน์ลุกขึ้นต่อสู้กับตำรวจ และแย่งปืนตำรวจไปได้ เรืองโรจน์ตรงไปที่รถยนต์คันที่ชน ทำร้ายเจ้าของรถ และแย่งรถขับหนีไป

เช้าวันต่อมา มีนักข่าวหลายคนจับกลุ่มกันอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจ สักครู่หนึ่งอังคณาเดินทางมาถึง นักข่าวกรูเข้ามารุมล้อม ตำรวจคอยกันนักข่าวไม่ให้รบกวนอังคณามากนัก นักข่าวยิงคำถามทันที
“ตำรวจจับคนที่บงการฆ่าคุณธานินทร์ได้แล้ว คุณอังคณารู้สึกยังไงบ้างคะ”
“ที่ตำรวจบอกว่านายเรืองโรจน์ อดีตเลขาของคุณธานินทร์เป็นคนจ้างวาน คุณอังคณาคิดว่ามีความเป็นไปได้ไหมคะ”
อังคณาเงียบกริบ ไม่ยอมตอบคำถามเดินขึ้นสถานีตำรวจไป

เวลาต่อมาอังคณานั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะทพงานสารวัตรเจ้าของคดี กำลังคุยกับสารวัตรอยู่
“ตกลงเรืองโรจน์เป็นคนเอาเงินไปให้เมียของมือปืนเพื่อปิดปากเหรอคะ”
“ครับ เรามีพยาน และหลักฐานพร้อม ทางเมียของนายยักษ์ก็สารภาพว่าเรืองโรจน์เป็นคนจ้างให้สามีของเขาไปฆ่าคุณธานินทร์ คุณอังคณาพอจะนึกออกไหมครับว่าทำไม”
อังคณาแสร้งทำเป็นเสียใจ นิ่งคิดก่อนจะเอ่ยออกมา “ก็คงเรื่องเงิน ๆ ทองๆ นี่แหละค่ะ คุณธานินทร์เคยไว้ใจให้เรืองโรจน์ดูแลเงินส่วนตัวของเขา พอเกิดเรื่องขึ้นมา คุณธานินทร์แกก็คงจัดการไป...สามีดิฉันเป็นคนใจดี ไม่ค่อยอยากเอาความกับใคร เลยไล่เรืองโรจน์ออกไปเงียบๆ” จู่ๆ ทำเป็นนึกขึ้นได้ “ฉันจำได้แล้วค่ะ ก่อนจะเกิดเรื่อง คุณธานินทร์เคยเล่าให้ฟังว่าเรืองโรจน์โทรมาอาละวาดโวยวาย ว่าคุณธานินทร์ทำให้เขาเดือดร้อน อับอายขายหน้า...เขาโกรธมากจริงๆ”
“มากพอที่จะคิดทำร้าย หรือจ้างใครมาฆ่าคุณธานินทร์ไหมครับ” สารวัตรถามนำ
อังคณานิ่งคิด บีบน้ำตา แล้วพยักหน้าช้า ๆ
“ค่ะ”

วันต่อมา เพชรแท้กำลังอ่านข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่ที่บ้าน ท่าทีฮึดฮัดขัดใจ ปิดหน้าหนังสือพิมพ์ลง
“กลายเป็นเรื่องลูกน้องแค้นเจ้านายไปแล้ว”
พรรณีกับพิณทองกำลังทำงานเย็บผ้า สอยผ้า กันอยู่
“ยังไงลูก”
“ก็เรื่องไอ้เรืองโรจน์ไงครับ ตำรวจบอกว่ามันจ้างคนฆ่าพ่อ เพราะแค้นที่ถูกพ่อไล่ออกจากงาน” เพชรแท้พูดอย่างฉุนเฉียว
“โกหกชัดๆ”
พิณทองว่าพลางละสายตาจากงาน หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านบ้าง
“ข่าวเขาไม่ได้พูดถึงคุณอังคณาเลย ไม่ได้บอกว่ามีใครร่วมมือกับเรืองโรจน์ด้วย”
เพชรแท้เจ็บใจ “แปลว่าตำรวจเขาเชื่อว่าไอ้เรืองโรจน์เป็นคนทำ ถ้าเขาจับมันได้ เรื่องก็จบ...ให้ตายสิ มันจะรอดไปได้จริงๆ เหรอนี่”
พิณทองพูดอย่างปลงๆ “คุณอังคณาเขาพูดถูก...ไม่มีใครทำอะไรเขาได้จริงๆ”
“ไม่จริงหรอกลูก บาปกรรมมีจริงนะลูก อังคณาทำบาปไว้มาก เขาหนีกรรมที่ก่อไว้ไม่พ้นหรอก เชื่อแม่ซี” พรรณีบอก
เย็นนั้นเรืองโรจน์อยู่ในห้องพักที่โรงแรมจิ้งหรีด สีหน้าเครียดเคร่ง ดื่มเหล้าย้อมใจ และกดเปิดทีวีดูข่าว เห็นเป็นภาพการจับกุมตัวนายยักษ์ และภาพหน้าของเรืองโรจน์ประกอบการรายงานข่าว
“ข่าวคืบหน้าคดีฆาตกรรมนายธานินทร์ เลิศชัยวัฒน์ มหาเศรษฐีหมื่นล้าน จากการที่นายยักษ์ หรือนายพิชัย ชื่นจิตร มือปืนได้ให้การซัดทอดว่า นายเรืองโรจน์ อธิกร อดีตเลขานุการของนายธานินทร์ เป็นผู้จ้างวานให้เขาทำนั้น วันนี้ ทางตำรวจได้สรุปว่า สาเหตุการฆาตกรรม เกิดจากความแค้นที่นายเรืองโรจน์ ถูกนายธานินทร์ไล่ออก เพราะจับได้ว่านายเรืองโรจน์ยักยอกเงินส่วนตัวของเขา” ผู้ประกาศข่าวรายงาน
เรืองโรจน์บันดาลโทสะ เอาเท้าถีบจอทีวีล้มไปด้วยความโมโห
“ไอ้บ้า...มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไงวะ”
เรืองโรจน์โกรธ และเครียดจัด

เวลาเดียวกันชนกนันท์กำลังดูทีวีอยู่เช่นกัน เสียงผู้ประกาศรายงานข่าวดังต่อเนื่องมา
“ขณะนี้ นายเรืองโรจน์ได้หลบหนีจากคอนโดที่พักอาศัย ทางตำรวจก็กำลังเร่งออกติดตามจับกุมตัวนายเรืองโรจน์ อธิกร มาดำเนินคดีต่อไป”
ชนกนันท์กดรีโมทปิดทีวี เสียงอังคณาดังขึ้นมา
“ยัยนก”
นกสะดุ้งเฮือก หันมาเจออังคณายืนอยู่กลางห้องแล้ว
“เห็นข่าวเรืองโรจน์แล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
อังคณาเดินมานั่งลงข้างลูกสาว ชนกนันท์ขยับตัวอย่างระแวง
“ไม่นึกเลยนะว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ลูกเสือลูกตะเข้แท้ๆ เชียว เสียแรงคุณพ่อชุบเลี้ยงมันมาตั้งหลายปี ยังทำได้”
ชนกนันท์นิ่งฟัง สีหน้าเครียด อังคณาคุยต่อไป สังเกตท่าทีของลูกสาวไปด้วย
“อย่างว่า...แม่เองก็ยังหลงไว้ใจ มันเป็นคนทำเองแท้ๆ มันยังมาเป่าหูแม่ว่าคนอื่นเป็นตัวการ นกรู้ไหม มันมาหลอกเอาเงินแม่ไปตั้งล้าน” อังคณามองหน้าชนกนันท์ขณะถาม “นกรู้นี่ใช่ไหม ว่าเงินล้านในกระเป๋าใบนั้นน่ะ เป็นเงินของแม่”
ชนกนันท์เสียงสั่น “ค่ะ”
“มันว่าเงินนั่น จะทำให้เมียไอ้ยักษ์สารภาพว่าใครจ้างผัวมันฆ่าคุณพ่อ แม่อยากแก้แค้นแทนพ่อ เลยหลงร่วมมือกับมันไป...” มองตาชนกนันท์เขม็ง “นี่ถ้ามีใครรู้ว่ากระเป๋ากับเงินนั่นเป็นของแม่ แม่คงพลอยเดือดร้อนไปด้วยแน่ๆ”
ชนกนันท์หลบตาวูบ “ค่ะ”
“ดีนะที่ไม่มีใครรู้ นอกจากเราสองแม่ลูก...ไหนๆ เราก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนผิด ปล่อยให้ตำรวจเขาจับไอ้เรืองโรจน์เข้าคุกไปง่ายๆ ดีกว่านะลูก อย่าพูดอะไรให้เรื่องราวมันวุ่นวายไปกว่านี้อีกเลย ดีไหมลูก”
ชนกนันท์ยังระแวงอยู่ อังคณาจับมือยิ้มให้ แต่มองตาคาดคั้น สองมือของเธอบีบมือแน่นจนชนกนันท์รู้สึกเจ็บ
“ดีไหมยัยนก”
ชนกนันท์กลัวจับจิต “ค่ะ”

อังคณาคลายมือจากชนกนันท์อย่างพอใจ แต่ยังไม่วางใจเสียทีเดียว จากนั้นอังคณาก็ลุกเดินออกไป
วันต่อมา ภายในห้องประชุม ที่สำนักงานทนายความของจรัล เพชรแท้ พรรณี และพิณทองนั่งอยู่ด้านหนึ่ง จรัล และชนะศึกนั่งอยู่อีกด้าน พินัยกรรมได้ถูกอ่านไปแล้ว

“นั่นก็คือทั้งหมดที่คุณธานินทร์ยกให้แก่คุณเพชรแท้นะครับ” จรัลเอ่ยขึ้น
เพชรแท้นั่งฟังนิ่ง พรรณีรำพึง
“มันมากเหลือเกิน มากเกินไป”
“พินัยกรรมระบุเอาไว้อย่างนี้ ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้...วันนี้ จะเป็นการแจ้งพินัยกรรมของท่านให้ทราบไว้ก่อนเท่านั้นนะครับ สำหรับการโอนทรัพย์สินให้กับคุณเพชรแท้ ทันทีที่ศาลชั้นต้นมีคำตัดสินออกมา ผมจะรีบดำเนินการต่อให้เร็วที่สุด” จรัลบอก
“เท่านี้ใช่ไหม” เพชรแท้ถาม
“ใช่ จากนี้ไปก็รอรับมรดกได้เลย” ชนะศึกลุกขึ้นยืน มองเพชรแท้ “ขอแสดงความยินดีด้วยนะ หวังว่าจะใช้เงินที่ได้ไปในทางที่เป็นประโยชน์”
เพชรแท้ลุกขึ้นยืนมองจ้องหน้าชนะศึก “ฉันบอกแล้ว ฉันไม่เคยอยากได้เงินนั่น...สิ่งเดียวที่ฉันอยากได้ตอนนี้ คือความยุติธรรม” ชนะศึกอึ้ง “ฉันอยากให้ไอ้คนที่เป็นตัวการฆ่าพ่อฉัน เข้าไปอยู่ในคุก ชดใช้สิ่งที่มันทำ...ในฐานะลูกของพ่อ ฉันต้องการแค่นี้...แล้วแกล่ะ ชนะศึก”
เพชรแท้มองจ้องหน้าชนะศึกเขม็ง ชนะศึกนิ่งอึ้งไป พูดไม่ออก แล้วเดินหนีไป พิณทองมองอยู่รู้สึกสงสาร
พิณทองบอกพรรณี “แม่จ๋า เดี๋ยวพิณมานะจ๊ะ”
พรรณีพยักหน้ารับ พิณทองเดินตามชนะศึกออกไป

ชนะศึกเดินออกมาหน้าห้องประชุม พิณทองเดินตามหลังมา
“คุณชนะศึกคะ”
ชนะศึกหันมา “พิณทอง” ชายหนุ่มฝืนยิ้ม “ดีใจด้วยนะ จากนี้ไป ครอบครัวของคุณก็จะได้อยู่กันอย่างมีความสุข”
“ขอบคุณค่ะ แต่อย่างที่พี่เพชรบอก เราคงยังสบายใจไม่ได้ ถ้าคนร้ายยังไม่ถูกลงโทษ”
ฟังคำพูดพิณทอง ชนะศึกถอนใจ
“ยังไงคนทำผิดก็ต้องรับโทษ คุณไม่ต้องห่วงหรอก”
“พิณรู้ว่ามันยากนะคะ การทำสิ่งที่ถูกต้อง ทั้ง ๆ ที่มันขัดกับความรู้สึกในใจของเรา...แต่พิณก็ยังหวังว่าในที่สุด คุณจะทำมันได้สำเร็จ”
“คุณว่าผมเป็นคนเลว ไว้ใจไม่ได้ไม่ใช่หรือ คุณจะมาหวังอะไรกับคนอย่างผม”
“พิณหวังว่า คุณจะพิสูจน์ตัวเองว่าคุณไม่ใช่คนอย่างนั้น” พิณทองจับแขนชนะศึกปลอบ “ทำมันให้สำเร็จนะคะ คุณชนะศึก พิณจะคอยเอาใจช่วยคุณ”
ชนะศึกจับมือพิณทองไว้ ทั้งสองมองตากันอีกครั้ง ทั้งที่เศร้าๆ ทว่าชนะศึกกลับรู้สึกอบอุ่นในใจ
“ขอบคุณ”
แล้วชนะศึกก็เดินออกไป

ช่วงตอนกลางวัน บนท้องถนนรถรายังคลาคล่ำจอแจ สามแม่ลูกนั่งอยู่ในรถแท็กซี่แล้ว พรรณีกับพิณนั่งด้านหลัง เพชรแท้นั่งหน้า สามคนคุยกัน
“เมื่อกี๊คุยอะไรกับเขาเหรอ” เพชรแท้เอ่ยขึ้น
พิณทองนิ่งอยู่นิดหนึ่ง “เขาแสดงความยินดีกับเรา พิณก็เลยบอกว่าเรายังไม่มีความสุขจนกว่าตำรวจจะจับตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังได้”
พรรณีเองก็อยากรู้ “แล้วเขาว่ายังไง”
“พิณว่าเขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร เพียงแต่มันคงยากที่ทำ พิณเลยบอกว่าพิณเข้าใจ และพิณจะเป็นกำลังใจให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
พรรณีจับมือพิณทองกุมไว้ตบมือเบาๆ “ลูกทำถูกแล้ว”
เพชรแท้มองน้องสาว “ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะไม่พอใจ แต่ถึงวันนี้เขากลับไม่พูดอะไร เพชรพอจะเข้าใจความรู้สึกของชนะศึกเหมือนกัน”
รถแท็กซี่ที่สามคนนั่งมาวิ่งมาช้าๆ บนถนน ผ่านบริเวณหน้าโรงแรมที่เรืองโรจน์พัก และห่างออกไปประมาณ 50 เมตร เพชรแท้เห็นเรืองโรจน์ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ในตู้โทรศัพท์ เพชรแท้ชะงัก
“เฮ้ย มันนี่”
พิณทองงง “ใครพี่เพชร”
“ไอ้เรืองโรจน์” เพชรแท้รีบบอกคนขับแท็กซี่ “พี่จอดก่อน จอดๆ”
รถแท็กซี่หยุด เพชรแท้เปิดประตูรถ วิ่งออกไปเลย

ที่ริมถนนหน้าโรงแรม เรืองโรจน์กดโทรศัพท์ จะโทร.หาอังคณา แต่มองเห็นเพชรแท้วิ่งเข้ามาจึงตกใจรีบวิ่งหนี
เพชรแท้ร้องตาม “เฮ้ย อย่าหนีนะ”
เพชรรีบวิ่งตามเรืองโรจน์เข้ามาในซอยไม่ห่างนัก ครู่หนึ่งเรืองโรจน์วิ่งหนีอย่างว่องไวไปซ่อนตัว เพชรแท้ตามมา
เรืองโรจน์ลุ้นว่าเพชรแท้จะเห็นตนหรือเปล่า แต่แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นเพชรแท้มายืนอยู่ข้างหลัง เรืองโรจน์หนีต่อ
“หยุดนะเว๊ย”
เพชรแท้วิ่งไล่ตามเรืองโรจน์ จนใกล้จะถึงตัวก็กระโดดเข้าตะครุบตัวเรืองโรจน์ไว้ ทั้งสองต่อสู้กัน ในที่สุดเพชรแท้ก็จับตัวได้บีบคอเรืองโรจน์ไว้
“แกหนีไม่พ้นแล้ว ไอ้เรืองโรจน์”
เรืองโรจน์เจ็บ ร้องลั่น “โอ๊ย ปล่อยกูก่อน ปล่อยกู”
“กูปล่อยมึงแน่ แต่กูจะปล่อยมึงให้ตำรวจ มึงต้องเข้าไปอยู่ในคุก” เพชรแท้เน้นคำ “พร้อมๆ กับนายของมึง”
เรืองโรจน์อึ้งไปครู่หนึ่ง “มึงรู้ใช่ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลัง”
“ใช่ มึงต้องไปหาตำรวจกับกู แล้วบอกทุกอย่างกับตำรวจ กูจะเอาอังคณาเข้าคุกให้ได้ ไป”
เพชรแท้จะลากตัวเรืองโรจน์ไป แต่เรืองโรจน์รั้งไว้ ถ่วงเวลา ทำทีเป็นหวาดกลัว คิดหาทางเอาตัวรอด
“มึงนึกเหรอว่าตำรวจจะทำอะไรคุณอังคณาได้ เขามีเงิน มีอำนาจล้นฟ้า ยกเว้น แต่มึงจะมีหลักฐานที่มัดตัวเขาจนดิ้นไม่หลุด”
“ก็ตัวมึงนี่ไง หลักฐาน” เพชรแท้บอก
“ใครจะเชื่อกู ดีไม่ดีกูอาจจะโดนฆ่าตายในคุกก่อนจะได้พูดอะไรด้วยซ้ำ ยกเว้นแต่ว่า...”
เพชรแท้คาดคั้น “อะไร”
“กูใช้โทรศัพท์แอบอัดเสียงตอนที่คุณอังคณาสั่งงานให้กูไปจัดการเผาบ้าน และลอบยิงคุณธานินทร์ การ์ดอัดเสียงยังอยู่ที่กู ถ้ามึงปล่อยกูไป กูจะให้หลักฐานกับมึง” เพชรแท้ลังเล “มึงจะเอาอังคณาเข้าคุกไม่ใช่เหรอ กูมันแค่คนรับใช้ เอากูให้ตำรวจแล้วมึงจะได้อะไร”
“กูไม่ต่อรองกับคนอย่างมึง” เพชรแท้บีบคอเรืองโรจน์แน่นขึ้น “การ์ดนั่นอยู่ไหน เอามา ไม่งั้นมึงตายอยู่ตรงนี้แหละ”
เรืองโรจน์ร้อง “โอ้ย ๆ กูยอมแล้ว อย่าฆ่ากู กูยอมแล้ว...มันอยู่ในกระเป๋า”
เพชรแท้คลายมือ แต่ยังจับตัวไว้ เรืองโรจน์ค่อยๆ หยิบซองกระดาษออกมาจากกระเป๋า เพชรแท้จับตามอง
“การ์ดอยู่ในนี้”
เรืองโรจน์แกล้งทำซองหล่นลงพื้น เพชรแท้รีบก้มลงคว้า เรืองโรจน์ฉวยโอกาสยกเข่ากระแทกเพชรแท้ ถีบเต็มแรงจนเพชรแท้กระเด็นกระดอน แล้ววิ่งหนีไป
เพชรแท้เปิดซองกระดาษดูจนทั่ว ปรากฏว่าเป็นซองเปล่าไม่มีอะไรทั้งนั้น เพชรแท้คำรามด้วยความเจ็บใจ
“มึงหลอกกูจนได้ไอ้เรืองโรจน์”

เพชรแท้ขยำซองทิ้งด้วยความเจ็บใจ แต่แล้วสายตาก็ไปหยุดมองตรงมุมซอง เห็นชื่อโรงแรมที่เรืองโรจน์พัก เพชรแท้ยิ้มออกมาได้
ค่ำคืนนั้น โทรศัพท์มือถือกรีดเสียงดังขึ้น อังคณาเห็นเบอร์แปลกๆ ก็ลังเลใจ แต่ในที่สุดก็รับ

“ฮัลโหล”
เรืองโรจน์อยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะ ท่าทางโทรมมาก พูดโทรศัพท์อย่างหัวเสีย
“ผมเองคุณอังคณา”
อังคณาตกใจ “เรืองโรจน์! แกอยู่ที่ไหน”

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 12/3 วันที่ 21 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th