อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 4 วันที่ 2 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 4 วันที่ 2 พ.ย. 55

พิณทองหันกลับมามองชนะศึกงงๆ
“แฟนเหรอคะ”
ชนะศึกทำไก๋ตีสีหน้าจริงจัง “ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ที่นี่น่ะ บางครั้งเราก็ต้องอยู่ทำงานเกินเวลา ฉันกลัวว่าเดี๋ยวแฟนมารอรับ จะทำงานไม่เต็มที่”
พิณทองยิ้มขำ “อ๋อ ปัญหานั้นไม่มีหรอกค่ะ” แล้วก้มหน้าก้มตาจัดเอกสารต่อ
ชนะศึกเริ่มทำหน้าไม่ถูก “หมายความว่ายังไง ตกลงแฟนมีหรือไม่มี”
“ไม่มีค่ะ”
“ดีแล้ว” ชนะศึกรู้ตัว วางฟอร์มต่อ “ถ้างั้นทำงานต่อให้เสร็จก็แล้วกัน”
ชนะศึกเดินออกจากห้องไป แอบยิ้มกับตัวเอง

ในตลาดเก่า ธานินทร์กับศักดามาตามหาร้านข้าวหน้าเป็ดเก่าแก่ที่ตนเคยมากินกับพรรณีในอดีต
“แถวนี้แน่นะครับ ท่าน”
“เออ...ก็ไม่รู้สิจำไม่ค่อยได้ เมื่อกี๊แกขับรถเลยไปหรือเปล่า”
“โธ่ แต่เมื่อกี๊ผมขับรถช้าจริงๆ นะครับ ผมดูทั่วแล้วไม่มีแน่ แล้วท่านคิดดูนะครับท่าน ตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว ป่านนี้อาจเลิกกิจการไปแล้วก็ได้ เพราะไอ้ของขายเนี่ย ถ้าขายดีบางทีก็ขายได้ ถ้าขายไม่ดีมันก็อาจจะปิดกิจการ” ศักดาบ่นเป็นชุด
จู่ๆ ธานินทร์ตะโกนลั่น ดีใจสุด “เดี๋ยวๆ”



ธานินทร์เห็นร้านข้าวหน้าเป็ด ชี้ไม้ชี้มือยกใหญ่
“นี่ไง”
ศักดาอ่านชื่อร้านงงๆ
“อืม” ธานินทร์หัวเราะชอบใจ
ร้านอาหารที่ธานินทร์หา เป็นร้านเก่าแก่ มีป้ายบอกว่าเป็นเป็ดย่างเจ้าอร่อย

ธานินทร์ยิ้มดีใจเหมือนเด็กๆ
ธานินทร์ยืนมองอาแปะสับเป็ดอย่างชำนาญ เอาใส่กล่อง คุยกับศักดาไปด้วย

“เนี่ยของชอบเขาเลยล่ะ ฉันเคยพาเขามากินสองสามครั้งแล้ว มาทีไรเขากินสองจานทุกที”
“ตั้งสองจานเลยเหรอครับ แล้วไม่กลัวอ้วนเหรอครับ” ศักดาสงสัย
ธานินทร์ขำๆ “ก่อนจะเข้ามากินเขาก็บ่นว่ากลัวอ้วน แต่พอกินทีไรก็สองจาน”
“คงอร่อยนะครับ”
ธานินทร์นึกถึงความหลังครั้งนั้นอย่างมีความสุข

ภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งในอดีต ธานินทร์กับพรรณีกำลังนั่งกินข้าวหน้าเป็ดกันอยู่ โดยสองคนสลับกันป้อนให้กันทีละคำ
ธานินทร์ดึงตัวเองกลับมา ยืนยิ้มอย่างมีความสุข

รถคันหรูของธานินทร์แล่นเข้ามาในซอยบ้านพรรณีและพิณทอง
ธานินทร์นั่งอยู่เบาะหลัง ศักดาเป็นคนขับ
“บ้านนี้แหละครับ” ศักดาบอก
“แล้วจอดทำไมเล่า ไป”
“ครับๆ”
ศักดาขับรถเลยหน้าบ้านพรรณีไป
ศักดาจอดรถ ธานินทร์ยกถุงขึ้นมา ภายในมีกล่องโฟมใหญ่พอควร ส่งให้ศักดา
“แกเอาถุงนี้ไปแขวนไว้ที่หน้าบ้านนะ”
ศักดารับถุงมา ทักท้วง “แล้วทำไมไม่ให้เขาออกมาเอาเลยล่ะครับ ถ้าเกิดแขวนไว้แล้วใครผ่านมาหยิบไปเป็นเรื่องเลยนะครับ”
“เอาน่า เราก็คอยดูไว้ซี”
“แหม แต่ผมว่า การที่เราจะให้อะไรใครนะครับ มันมีความสุขตอนที่เราเห็นเขามีความสุขตอนรับนะครับ แล้วอีกอย่างท่านจะต้องไปปิดบังตัวเองทำไมละครับ ก็ลงไปพูดเลยสิว่าเป็นท่าน แล้วท่านก็ลงไปคุยกันให้รู้เรื่องเลยสิครับ” ศักดาพูดเรื่อยเจื้อย
“เอาล่ะๆ ทุกอย่างที่แกพูดนะมันไม่จำเป็นสำหรับฉันหรอก ฉันไม่อยากรื้อฟื้นอดีต เข้าใจมั้ย แค่ฉันเห็นเขามีความสุข ฉันก็สุขพอแล้ว แต่ก็ขอบใจแกที่ช่วยแนะนำ”
“ครับ”
“เอ้า ไปสิ เอาไปแขวนหน้าบ้าน ระวังล่ะ”
ธานินทร์เร่ง ศักดารับคำ แล้วหิ้วถุงลงจากรถ ธานินทร์มองตามไป

ศักดาเอาถุงเป็ดไปแขวนไว้ที่ประตู แล้วเดินออกมา แต่ก่อนจะกลับขึ้นรถศักดาตัดสินใจกดกริ่งบ้านพิณทอง แล้วรีบวิ่งจู๊ดกลับไปขึ้นรถ พรรณียินเสียงกริ่งจึงเดินออกมาดู
ธานินทร์ดุศักดา “ทำอะไรของแก เดี๋ยวเขาก็จับได้พอดี”
“คอยดูครับ ออกมาแล้วครับ”

ธานินทร์หันกลับไปดูด้านหลัง เห็นพรรณียืนอยู่
พรรณีออกมาจากในบ้าน มองหาว่าใครมากดกริ่ง
ธานินทร์เต็มตื้นยิ้มอย่างมีความสุข มองพรรณีไม่วางตา
พรรณียืนมองหาคนกดกริ่ง เห็นถุงแขวนอยู่ พรรณีเดินไปหยิบถุงข้าวหน้าเป็ดมาดูอย่างแปลกใจ และมองกลับไปที่รถของธานินทร์อีกครั้ง รถธานินทร์แล่นออกไปอย่างช้าๆ โดยที่ธานินทร์ยังเหลียวมามองพรรณีไม่ละสายตา

ตัดมาที่มุมหนึ่ง เรืองโรจน์สะกดรอยตามแอบดูตามคำสั่งอังคณา รถธานินทร์กำลังแล่นผ่านหน้าเรืองโรจน์ออกไป
พรรณียืนถือถุงเป็ดอยู่ที่หน้าบ้าน มองตามรถของธานินทร์ไป

ที่มุมลับตาคน เรืองโรจน์แอบโทร.มาฟ้องอังคณาเรื่องที่ได้เห็น
“แปลกนะแล้วเขาเอาอะไรไปแขวนเอาไว้”
“ไม่ทราบครับ คุณผู้หญิง พอแขวนเสร็จ เจ้าของบ้านเขาก็มาหยิบเข้าไป”
อังคณาแปลกใจมาก “แล้วบ้านนั้นมันบ้านใคร”
“ผมถามคนแถวนั้น เขาบอกว่าเจ้าของบ้านชื่อพรรณี เป็นช่างเย็บผ้าจนๆ อาศัยอยู่แถวนั้นมานานแล้วครับ”
อังคณางง “แล้วไง เธอจะบอกว่าสามีฉันกลายเป็นซานตาคลอสไปแล้วหรือไง เที่ยวได้เอาของไปแจกคนจน”
เรืองโรจน์ยิ้มร้าย “คงไม่ใช่หรอกครับ ... ผมถามมาถามไป เลยได้ความมาว่า คนที่ชื่อพรรณีแกมีลูกสาว ทำงานอยู่บริษัทใหญ่โต”
อังคณาเก็ตดวงตาวาววับ
“อย่าบอกนะว่า...”
เรืองโรจน์สวนออกมา “ครับคุณผู้หญิง ลูกสาวของบ้านนั้นทำงานที่เบสท์ เอนเทอร์ไพรส์ เธอชื่อว่าพิณทอง ครับ แล้วก็เป็นผู้ช่วยเลขาฯ ของคุณธานินทร์”

อังคณากำมือแน่น ความโกรธพุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ ในใจ
บ่าย 3 โมง แล้วพิณทองกำลังตั้งหน้าตั้งตาจัดเก็บเอกสารอยู่ ชนะศึกเดินมา พิณทองหันไปเห็นชนะศึกแล้วตกใจ

“กำลังทำอยู่ค่ะ คุณชนะศึก”
“ฉันมีประชุมกับลูกค้าข้างนอก เดี๋ยวฉันจะกลับมาตรวจอีกที” วางมาดเข้ม “ถ้าฉันยังไม่กลับมา เธอห้ามกลับ...เข้าใจมั้ย”
พิณทองพยักหน้าเข้าใจ
“เข้าใจค่ะ”
“ดีมาก”
ชนะศึกเดินออกไป พิณทองก้มลงเก็บเอกสารต่อ

เวลาผ่านไป นาฬิกาติดผนังด้านนอกห้อง บอกเวลา 6 โมงเย็นแล้ว
ส่วนในห้องพิณทองกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ ข้าง ๆ ตัวมีกองเอกสารวางรวม ๆ กัน เสียงท้องร้อง พิณทองจับท้องตัวเอง รู้สึกหิวข้าว และลุกขึ้นจะออกไปนอกห้อง มองเห็นเอกสารยังไม่เรียบร้อย

ตอนเย็นๆ อังคณานั่งอยู่อ่านเอกสารในมือ ชนกนันท์อยู่ด้วย เรืองโรจน์ยืนอยู่ห่าง ๆ
“นังเด็กนี่น่ะเหรอที่ชื่อพิณทอง”
อังคณาปากระดาษแผ่นนั้นลงบนโต๊ะ เปิดให้เห็นเป็นเอกสารสมัครงานของพิณทอง มีทั้งที่อยู่ และรูปถ่าย
“ครับ” เรืองโรจน์ รับ
ชนกนันท์มองประวัติพิณทอง “อายุยังน้อยอยู่เลยนะคะคุณแม่”
“แบบนี้ไงละพ่อแกถึงได้ติดใจ”
ชนกนันท์แค้นเรืองโรจน์ “มั่วหรือเปล่า ไม่ใช่กุเรื่องขึ้นมา หาความดีความชอบใส่ตัวนะ”
อังคณาปราม “อย่าไปพาลเรืองโรจน์เค้าเลยยัยนก” ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น “พ่อแกกำลังเล่นไม่ซื่อกับแม่ แม่รู้”
ชนกนันท์แก้ตัวแทนพ่อ “นังหน้าใสนี่มันอาจจะหลอกคุณพ่อก็ได้”
อังคณาเพ่งมองไปที่รูปพิณทอง ด้วยแววตาร้ายกาจ “เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับฉัน...”
“คุณแม่จะทำยังไงต่อคะ”

ชนกนันท์กับเรืองโรจน์มองหน้าอังคณา ลุ้นระทึก

ค่ำนั้นพรรณีกำลังเปิดถุงเป็ดจัดใส่จาน ป้าสำอางค์นั่งอยู่ด้วย
“ฮื้อฮือ หอมมาถึงนี่ ได้กลิ่นแล้วน้ำลายไหล...ลูกสาวแม่พรรณีน่ารักจริง ๆ นะ หาเงินหาทองได้ ก็รู้จักซื้อของอร่อย ๆ มาให้แม่กิน...”
พรรณีเดินถือจานเป็ดย่างสีแดงสวยน่ากินจานใหญ่มาวางที่โต๊ะ บนโต๊ะมีอาหารง่าย ๆ วางอยู่ 1-2 อย่าง
พรรณีพูดขำๆ “เป็ดของพิณจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ อยู่ ๆ ก็เอามาแขวนไว้ให้ที่หน้าบ้าน ไม่เห็นได้บอกอะไร”
“อุ๊ย ตัวนึงไม่ใช่ถูกๆ นะ เป็นร้อยเป็นชั่ง ใครมันจะเอามาให้ ถ้าไม่ใช่นังพิณ...เออ แล้วนี่ยังไม่กลับจากทำงานอีกเหรอ ค่ำมืดแล้ว”
“รถคงติดมั้งพี่ เดี๋ยวก็คงกลับมาแล้ว”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พรรณีเดินไปรับ
“ฮัลโหล สวัสดีจ๊ะ”

พิณทอง ยังอยู่ที่ห้องเก็บเอกสาร
“แม่หรือจ๊ะ นี่พิณเองนะ”
“พิณอยู่ไหนลูก ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก แม่รอกินข้าวอยู่”
“พิณยังทำงานไม่เสร็จน่ะจ้ะแม่ จะโทรมาบอกแม่ว่าให้แม่กินข้าวไปก่อนเลย ไม่ต้องรอพิณหรอกจ้ะ”
“แล้วพิณจะเสร็จกี่โมงล่ะลูก”
ระหว่างนั้นเสียงแบตโทรศัพท์มือถือของพิณทองเตือนว่าแบตกำลังจะหมด
“ยังไม่รู้เลยจ้ะ ต้องรอเจ้านายมาตรวจงานก่อน ถ้าเค้ายังไม่มา พิณก็กลับไม่ได้ แม่กินข้าวเลยนะจ๊ะ ไม่ต้องรอพิณ”
เสียงแบตโทรศัพท์มือถือพิณทองเตือนอีกครั้ง
“เออ...พิณ แล้วเป็ดที่หนู...”
สายโทรศัพท์ตัดไป พิณทองมองดูโทรศัพท์ของตัวเองแบตหมด ถอนใจ และทำงานต่อไป
พรรณีวางหูโทรศัพท์ เดินมานั่งที่เก้าอี้โต๊ะกินข้าว หน้าตากังวล
พรรณีบ่น “พิณนะพิณ เวลากินไม่กิน เดี๋ยวโรคกระเพาะก็กำเริบอีกหรอก”
“อุ๊ย ไม่ต้องห่วงไปหรอกน่ะ นังพิณมันโตแล้ว ถ้ามันหิว มันคงหาข้าวกินเองแหละ” สำอางค์มองเป็ด “ว่าแต่เป็ดนี่เถอะ ขอฉันชิมซักคำนะ น่ากิ๊นน่ากิน”
“รอพิณก่อนเถอะพี่ พิณอุตส่าห์ซื้อมา”
ป้าสำอางค์ไม่ฟัง แอบฉกเป็ดมาชิ้นหนึ่งจนได้ เคี้ยวตุ้ย ๆ

ภายในร้านอาหารญี่ปุ่นสุดหรูซึ่งเป็นห้องส่วนตัว อนุศักดิ์ และชนะศึกนั่งรอฮิโตริอยู่ ซึ่งชนะศึกนั่งรออยู่นานแล้ว เริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ มองดูนาฬิกาของตัวเอง
ชนะศึกกระซิบกับอนุศักดิ์ “นัดทุ่มนึง นี่มันทุ่มครึ่งแล้วนะ อนุศักดิ์”
ผู้ช่วยฮิโตริพรวดพราดเข้ามา หน้าตากังวลมาก ก้มหัวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
ผู้ช่วยพูดสำเนียงญี่ปุ่น “ต้องขอโทษจริง ๆ ครับ บังเอิญเครื่องบินที่ท่านประธานฮิโตริโดยสารมา เกิดมีปัญหานิดหน่อย”
“แปลว่าจะเลื่อนนัดเหรอครับ”
“มิได้ครับ เรื่องที่ตกลงกันวันนี้สำคัญมาก ผมอยากขอร้องให้คุณชนะศึกรอท่านประธานซักหน่อย คงไม่นาน” ผู้ช่วยเห็นชนะศึกลังเล รีบโค้งคำนับ “รบกวนด้วยครับ”
ชนะศึกจำใจยิ้ม แล้วพยักหน้ารับ อนุศักดิ์กระซิบ
“เอาน่า...รอหน่อย งานนี้มูลค่าหลายร้อยล้านเลยนะ”
จังหวะนั้นผู้ช่วยของฮิโตริรับโทรศัพท์
พูดเป็นภาษาญี่ปุ่น “ไฮ้” ฟังนิดหนึ่ง ก็ออกอาการดีใจ รีบบอกชนะศึก “ท่านประธานฮิโตริกับมาดามมาถึงแล้วครับ”
ประตูห้องเปิดออก ผู้ช่วยพุ่งตัวออกไป ชายญี่ปุ่นท่าทางภูมิฐานกับผู้หญิงญี่ปุ่นท่าทางสง่าเดินเข้ามา
“ท่านประธาน มาดาม” ผู้ช่วยโค้งคำนับ
“ผมต้องขอโทษด้วย” ฮิโตริ เห็นชนะศึก เดินเข้ามาหา “คุณชนะศึกใช่ไหม ผมฮิโตริ ต้องขอโทษเป็นอย่างมากที่ทำให้คุณต้องเสียเวลา”
ชนะศึกยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ”
“งั้นเรามาเจรจาเรื่องสัญญากันเลย เชิญ”

ทั้งหมดพากันนั่งลง ชนะศึกลงนั่ง เริ่มประชุม แต่แอบกังวลถึงพิณทองนิดๆ
เวลาเดียวกันพรรณี นั่งมองเพชรแท้กินข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะยังมีจานเป็ดอยู่

เพชรแท้คีบชิ้นเล็กๆ มาชิม “เป็ดนี่อร่อยดีนะแม่ ซื้อมาจากร้านไหนเหรอ”
“พิณซื้อมาให้น่ะ...” บ่นงุบงิบ “แล้วตัวเองก็ไม่กลับมากิน”
“แม่ก็มากินเถอะ ไม่ต้องไปรอพิณหรอก เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อย”
พรรณีมานั่งกิน เพชรแท้คีบเป็ดวางให้ พรรณีตักเป็ดขึ้นใส่ปาก เคี้ยว หยุดชะงัก จำได้ถึงรสชาติเป็ดที่เคยกิน
“มีอะไรเหรอ แม่”
พรรณีรีบเดินมาดูที่ถุงเป็ด หาสิ่งที่สงสัย
“แม่หาอะไรจ๊ะ” เพชรแท้สงสัยหนัก
พรรณีหยิบกล่องใส่เป็ดขึ้นมาดู แต่ไม่เห็นชื่อร้านหรือลวดลายอะไร
“อยากรู้ว่าของร้านไหนน่ะ รสชาติเหมือนเคยกิน”
พรรณีเดินกลับมานั่งลงกินข้าวต่อ เพชรแท้หัวเราะ
“ติดใจล่ะซี๊ เดี๋ยวถามพิณมันให้ก็ได้ ว่าของร้านไหน...เอาไว้เงินเดือนออกเพชรจะไปซื้อมาให้แม่กินอีก” เพชรแท้คีบเป็ดให้ “เอ้า กินเยอะ ๆ แม่ อ้ำ”
เพชรแท้ทำเหมือนจะป้อนพรรณี ถูกพรรณีตี แล้วหัวเราะขำ
พรรณีกินเป็ด แล้วยิ้มอย่างมีความสุข
ห่างออกไป ที่หน้าบ้าน รถธานินทร์จอดอยู่ ธานินทร์มองพรรณีจากในรถ พลอยยิ้มสุขใจไปด้วย

ธานินทร์นั่งอยู่ในรถ โดยมีศักดานั่งตรงที่คนขับ ชวนคุย
“สมัยก่อนนี้นอกจากเป็ดแล้ว คุณพรรณีเค้ายังชอบอะไรอีกหรือเปล่าครับ”
“เขาเป็นคนจนนะ วันๆ หลังจากเขาเลิกงานแล้ว ฉันก็ไม่เห็นเขาทำอะไรเลย พรรณีเขาชอบทำงานฝีมือ เขาชอบปักลวดลาย...ฉันจำได้สมัยก่อนเนี่ยฉันชอบนั่งดูเขาปักผ้า เวลาเขาปักผ้า สีหน้าเขาจะมีความสุขมาก ฉันนั่งดูทุกวันไม่เคยเบื่อเลย”
ศักดาเย้า “ตอนนี้ท่านก็กำลังทำอยู่”
จู่ๆ เสียงเคาะกระจกรถ เป็นสำอางยืนเคาะกระจกรถด้านของศักดา ทำเอาศักดาตกใจ
“ท่าน ๆ มีคนมาเอาไงดีครับท่าน”
“ทำไงดีล่ะ เอ้า เปิดก็เปิด”
ศักดาเปิดกระจกรถ ถาม
“มีอะไรจ๊ะป้า”
“ใครเป็นป้าแก ค่ำ ๆ มืด ๆ ดึกดื่นมาจอดรถอยู่ทำไม” สำอางค์แหวใส่
“ก็แถวนี้ถนนหลวงไม่ใช่เหรอป้า ทำไมจะจอดไม่ได้ล่ะ” ศักดาย้อน
“เออรู้ ถนนหลวง แต่นี่มันหน้าบ้านฉัน มาจอดรถนาน ๆ อย่างนี้ มันก็ต้องถามต้องไถ่กันมั่งสิ ใครอยู่หลังรถเนี่ย”
สำอางค์มองไปที่เบาะหลัง และเดินไปดู ธานินทร์นั่งเอาหนังสือพิมพ์ปิดหน้าไว้
“หรือมาส่งยาบ้า เฮ้ย!!! เรียกตำรวจหน่อย”
ป้าสำอางค์ตะโกนเสียงดัง
ศักดาตกใจ “เดี๋ยวๆ ป้า ฉันไปแล้วๆ ฉันไปเลยจ้าป้า”
ศักดารีบออกรถไป สำอางค์วิ่งตาม
“มีพิรุธว่ะ ส่งยาบ้าแน่ ๆ เลย”
พรรณีเดินออกมาจากในบ้าน
“พี่อางค์ อะไร ตะโกนด่าใครเนี่ย เสียงดังไปถึงในบ้าน”
“ใครก็ไม่รู้มาจอดรถซุ่มอยู่ตรงนี้ รถราคาเป็นล้านเลย แต่คนในรถเนี่ยท่าทางดูดี๊ดี แต่ทำลับ ๆ ล่อ ๆ พิกล มาหาใครก็ไม่รู้”
“ฉันว่าเขาคงหลงทางมามากกว่า แถวนี้นะมีแต่คนจน ๆ ทั้งนั้น เขาจะมาหาใคร”
“อืม...แล้วนี่อยู่คนเดียวเหรอ นังพิณยังไม่กลับเหรอ”
“ยังเลยจ้า นี่ฉันก็เริ่มเป็นห่วงมันแล้วนะ ป่านนี้ทำไมยังไม่กลับก็ไม่รู้”
พรรณีมองไปตามถนนหน้าบ้าน สีหน้ากังวล

คืนนั้น ภายในห้องเก็บเอกสาร อีกมุมหนึ่งพิณทองเอาเอกสารจัดใส่ตู้เหล็ก ปิดปัง พิณทองถอนใจเฮือก
“เสร็จไปอีกหนึ่ง...เหลืออีกแค่สองตู้”
พิณทองปาดเหงื่อ รื้อเอกสารในตู้ใบใหม่ออกมากอง
ส่วนนอกห้อง ไฟชั้นผู้บริหารกำลังปิดลงเรื่อยๆ ที่ละจุด รปภ.กำลังเดินล็อคห้องทีละห้อง

พิณทองเริ่มรู้สึกหิวน้ำ กลืนกินน้ำลายตัวเอง ลุกขึ้นเดิน 2-3 ก้าว รู้สึกหน้ามืด จึงพยายามจับสิ่งของข้างๆ และล้มหมดสติ แฟ้มเอกสารตกใส่ตัวพิณทอง
เวลาผ่านไป รถของชนะศึกแล่นเข้ามาในที่จอดรถ ประตูรถเปิดออก ชนะศึกก้าวลงจากรถแล้วปิดประตูบ่นอุบ

“บอกว่าแป๊บเดียว ๆ กว่าจะตกลงกันได้ ล่อซะห้าทุ่ม”
ชนะศึกเดินเข้าไปในตึกไปอย่างเร่งร้อน

ชนะศึกกำลังเดินเข้ามาในบริษัท ประตูลิฟต์เปิดออก พร้อมๆ กับที่สุพจน์ก้าวออกมา ชนะศึกชะงัก
“มีใครอยู่ข้างบนมั้ย”
“ไม่มีแล้วนะครับ ผมล็อคห้องหมดแล้ว”
“ไม่มีได้ยังไง”
ชนะศึกก้าวพรวดเข้าไปในลิฟต์ กดปิดทันที สุพจน์ทำหน้างง ๆ

ชนะศึกรีบเดินรี่มาที่ห้องเก็บเอกสาร แล้วก็เอื้อมมือเปิดประตู
“เสร็จหรือยัง”
ชนะศึกมองไม่เห็นพิณทองจึงเดินเข้ามาดูในห้อง

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 4 วันที่ 2 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th