อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 5 วันที่ 4 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 5 วันที่ 4 พ.ย. 55

ธานินทร์ดื่มด่ำกับความทรงจำในอดีตอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเก็บเสื้อเข้ากล่อง นำเอากล่องไปเก็บคืนไว้ในนาฬิกาตามเดิม
ธานินทร์เดินไปที่ประตูห้อง โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีเงาของใครบางคนยืนอยู่ที่นั่น
ใครคนนั้นคืออังคณา และอังคณามองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แววตาหมายมาด

ทางด้านพรรณีนั่งสอยเสื้อตัวหนึ่งอยู่ที่มุมห้องภายในบ้าน เพชรแท้นั่งอ่านหนังสือกีฬาอยู่ที่โซฟารับแขก
ครู่หนึ่งพิณทองอยู่ในชุดทำงานเดินออกมาจากครัว มือหนึ่งถือกระเป๋า อีกมือหนึ่งหิ้วปิ่นโต

เพชรแท้กับพรรณี สบตากันนิดหน่อย แล้วเพชรแท้ก็ลุกขึ้นเดินมาหาพิณทอง ดึงปิ่นโต และกระเป๋าถือออกมาจากมือพิณทอง สองคนโต้เถียงกัน
“พี่เพชรทำอะไรน่ะ”
“พิณไม่ต้องไปทำงานแล้ว พี่จะให้พิณลาออกจากงาน”
“บ้าแล้ว เอาคืนมานะ พี่เพชร” จะแย่งคืน “ทำไมพิณต้องลาออกจากงาน”
“นี่มันด่าถึงบ้าน หาว่าพิณเป็นเมียน้อย ยังจะมีหน้าไปทำงานกับมันอยู่อีกเหรอ ไม่รู้จักอายหรือไง”
“แค่คนเข้าใจผิด ไม่เห็นเป็นไร...พี่เพชร พิณไปทำงานหาเงินมาให้แม่นะ”



“แล้วที่มันทำกับแม่ล่ะ พิณคิดถึงบ้างไหม”
“ก็บอกแล้วไงว่าเขาเข้าใจพิณผิด พิณถึงต้องไปทำงาน ไปอธิบายให้เขาเข้าใจ”
เพชรแท้หยัน “อ๋อ นี่คิดจะไปง้อขอความเมตตาจากมันใช่ไหม หรือจะไปออดอ้อนให้ลูกชายมันสงสารพิณ”
พิณทองชะงักกึก
“แม่เล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว เรื่องพิณกับลูกชายมันน่ะ พิณไม่อยากลาออกก็เพราะมันใช่ไหม ในหัวน่ะคิดเรื่องอื่นบ้างไหม นอกจากเรื่องผู้ชายน่ะ”
พิณทองโกรธมาก “พี่เพชร หยุดพูดนะ”
“ทำไม อายเหรอ พี่พูดจี้ใจดำใช่ไหมล่ะ จะบอกให้นะ ไอ้เศรษฐีนั่นน่ะไม่จริงใจกับพิณหรอก มันก็แค่จะหลอกฟันพิณ ได้แล้วมันก็ทิ้ง”
“ไม่จริง!” กลบเกลื่อน “พิณกับคุณชนะศึกไม่มีอะไรกันซักหน่อย แล้วเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเขาด้วย...ไม่รู้ล่ะ พิณจะไปทำงาน”
พิณทองแย่งของออกไปจากมือเพชรแท้ แล้วเดินไป เพชรแท้จับตัวน้องไว้
“พี่ไม่ให้ไป พิณต้องอยู่บ้าน”
“ปล่อยนะ พิณจะไปทำงาน” พิณทองดิ้นรนขัดขืน
“ก็บอกว่าไม่ให้ไป”
“พิณจะไป ปล่อยพิณ”
สองพี่น้องยื้อยุดกันไปมา จนพรรณีทนไม่ไหว เดินเข้าไปมองหน้าเพชรแท้
“เพชร ปล่อยน้องเถอะ”
เพชรแท้มองแม่อย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมปล่อย พิณทองมองค้อนพี่ชาย นึกว่าแม่เข้าข้างตัวเอง
พรรณีหันมาทางพิณทอง “พิณจะไปก็ได้” พิณยิ้มเกือบดีใจ “ไปบอกเค้าซะเลยว่าพิณจะลาออก”
พิณทองงง ไม่อยากจะเชื่อ “อะไรนะคะแม่”
พรรณีพูดเสียงเรียบแต่ชัดเจนและเฉียบขาด “นี่เป็นคำสั่งของแม่”

พูดจบเท่านั้นพรรณี ก๋เดินกลับเข้าบ้านทันที เพชรแท้เดินตามไป พิณทองตกตะลึงในสิ่งที่แม่พูด
ในเวลาเดียวกัน หน่อย สาวใช้รีบเดินลงมาจากบันไดมา อังคณานั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างกระวนกระวายหันไปเห็น

“ว่าไงหน่อย”
“ท่านยังซ่อมนาฬิกาอยุ่เลยค่ะ”
“บ้าจริงๆ” พูดกำชับกับหน่อย “ไปคอยดูไว้ เขาออกไปเมื่อไหร่ รีบมาบอกฉัน”
“ค่ะ”
หน่อยรีบวิ่งกลับขึ้นบันได
อังคณาพยายามคิดหาทางออก แล้วครู่หนึ่งก็เหมือนคิดได้ กดโทรศัพท์หาเรืองโรจน์
“ฮัลโหล เรืองโรจน์เหรอ”

ธานินทร์นั่งซ่อมนาฬิกาอยู่แต่ท่าทางดูไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่นัก ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ธานินทร์วางเครื่องลง แล้วหันไปรับโทรศัพท์
“ว่าไงเรืองโรจน์”
เรืองโรจน์อยู่ที่ห้องทำงานในบริษัท
“ท่านประธานอยู่ที่ไหนครับ”
“ผมอยู่บ้าน”
“คือวันนี้มีสรุปเรื่องโครงการด่วนน่ะครับ ผมเลยอยากให้ท่านเข้าประชุมด้วยครับ”
“ประชุมกันเลยซี ทำไมผมต้องเข้าประชุมด้วย ไอ้บริษัทนี้ไม่มีผมซักคนมันจะเจ๊งไหม ทำไมผมต้องทำทุกอย่างเองหรือไง” ฟังแล้วถอนใจ “ โอเค. ถ้างั้นบอกให้เขารอไปก่อน ผมยังไม่อยากไป”
จากนั้นธานินทร์ก็วางหูโทรศัพท์ด้วยอาการหงุดหงิด แล้วกลับไปซ่อมนาฬิกาต่อ

เรืองโรจน์กดโทรศัพท์ไปหาอังคณา
“ว่าไงเรืองโรจน์”
“ท่านบอกว่าให้รอไปก่อนครับ”
อังคณาหงุดหงิด “แล้วแปลว่าอะไร แล้วจะออกไปไหมไอ้รอไปก่อนน่ะ”
เรืองโรจน์ อึกอัก “ผม..เอ่อ...ก็ไม่ทราบครับ”
อังคณาแว้ดอย่างวางอำนาจ “ไม่ทราบไม่ได้ เธอจะต้องหาทางทำให้เข้าออกจากบ้านให้ได้ เร็วที่สุดด้วย ไม่งั้นก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เข้าใจไหม”
เรืองโรจน์วางโทรศัพท์ด้วยอาการหัวเสีย แล้วโทร.กลับไปหาธานินทร์อีก ธานินทร์รับสาย
“ว่าไงเรืองโรจน์ เหรอ...เออๆ ก็ได้ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”

ธานินทร์วางสาย แล้วลุกเดินออกไป

ธานินทร์เปิดประตูเดินออกมาจากห้อง หิ้วกระเป๋าเอกสารออกมาด้วยอังคณาแอบมองอยู่ อังคณายิ้มพอใจ ในที่สุดเรืองโรจน์ก็ทำสำเร็จ

คล้อยหลังธานินทร์ไม่นาน อังคณาเดินเข้ามาในห้อง มองไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่ แล้วเดินไปเปิดฝานาฬิกาออก หยิบกล่องที่อยู่ข้างในออกมาเปิดดู เห็นเสื้อและนาฬิกาข้อมือ
อังคณาเห็นหยิบนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู อย่างพินิจพิจารณา แล้วเก็บเข้าที่เดิม
ต่อมาอังคณาเอาเสื้อออกมา เห็นรอยปักที่เสื้อว่า “รัก...พรรณี”
อังคณามองนิ่งไปที่รอยปัก พึมพำเบาๆ “รัก...พรรณี ....พรรณีไหนกัน”
อังคณาพยายามนึกชื่อพรรณี เธอรู้สึกเหมือนเพิ่งได้ยินผ่านหูมาไม่นานนี้ แล้วอังคณาก็นึกได้
ตอนที่อังคณาคุยกับเรืองโรจน์เรื่องที่ให้ไปสืบบ้านของพิณทอง และตอนที่ไปที่บ้านของพิณทองและได้เจอพรรณี
อังคณามั่นใจ “ต้องเป็นนังนั่นแน่ๆ เลย ต้องใช่แน่ๆ อีพรรณี”
อังคณาหายใจแรง เจ็บจี๊ดทันทีที่นึกออกว่าพรรณีคือใคร เธอได้รู้ความลับที่ธานินทร์เก็บงำไว้

แต่มันนานแค่ไหนแล้วระหว่างธานินทร์กับผู้หญิงคนนี้ มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ ยิ่งคิด อังคณาก็ยิ่งโกรธแค้นมากขึ้น
ธานินทร์ยืนรอศักดาอยู่ตรงโถงในบ้าน สักครู่หนึ่งศักดาจึงเดินเข้ามา ธานินทร์ส่งกระเป๋าให้ศักดา

“ผมก็คิดว่าท่านไม่ออกจากบ้านแล้ว เลยไปซื้อของที่ปากซอยให้นังแจ๋วมัน”
ธานินทร์ส่ายหัว “ไม่เป็นไรหรอก”
ขณะที่ธานินทร์กำลังเดินออกไปหน้าบ้าน อังคณาเดินลงบันไดมา ในมือถือเสื้อมาด้วย เรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
ธานินทร์หันกลับมามอง อังคณาเดินมายืนมองหน้าธานินทร์ ชูเสื้อขึ้น
“นี่มันอะไรกัน บอกฉันสิว่ามันอะไร”
ธานินทร์เห็นเสื้อในมืออังคณาก็จำได้ทันที ธานินทร์ตกตะลึง ส่วนศักดาเห็นท่าไม่ดี รีบหลบฉากไปทันที
“ขอให้ผม”
“ไม่ จนกว่าคุณจะบอกฉันว่ามันคืออะไร บอกมาซี”
ธานินทร์ตัดสินใจบอก “คุณก็เห็นอยู่แล้วว่าอะไร ต้องให้ผมพูดทำไม”
“แต่ฉันอยากให้คุณพูด พูดออกมาซีว่ามันเป็นของที่ระลึกจากนังพรรณีเมียเก่าของคุณ ใช่ไหม...ใช่ไหม”
ธานินทร์โกรธ “คุณอย่าบีบคั้นผมจนเกินไปนักนะ อังคณา”
อังคณาคาดคั้น “พูดมาซี ว่าความจริงมันเป็นยังไง คุณคิดถึงมัน คุณจะกลับไปหามันใช่ไหม”
“เปล่า”
อังคณาตะคอก “โกหก” ชูเสื้อหรา “หลักฐานเห็นกันอยู่โต้งๆ” แค้นจัด “คุณรักแม่มัน คุณเลยไปเอาลูกมันมาทำงานในบริษัท นี่ถ้าฉันจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน คุณคงพาโคตรเหง้ามันมาผลาญสมบัติฉันจนหมดเลยซีนะ”
“หยุดนะ” ธานินทร์ตวาดแรง “นี่คุณกำลังดูถูกผมนะ”
“ฉันแค่รู้ทันคุณต่างหาก คุณกับนังพรรณี รวมหัวกันหลอกฉันมานานแค่ไหนแล้ว” ขยำเสื้อ “คุณเก็บไอ้เสื้อบ้านี่มานานแค่ไหนแล้ว” อังคณากรี๊ดแผดเสียง “คุณนอกใจฉันมานานแค่ไหนแล้ว ไอ้คนทรยศ”
อังคณาโกรธจนลืมตัว เข้าทุบตีธานินทร์ ร้องไห้ฟูมฟาย ธานินทร์ผลักอังคณาเซออกไป โกรธเหมือนกัน
“ผมไม่ได้ทรยศคุณ” ธานินทร์แค้นใจ “ผมไม่อยากคิดจะพูด ได้!...อังคณา ผมแต่งงานกับคุณ เพราะหน้าที่ แต่ผมรักพรรณีคนเดียว รู้ไว้ด้วยอังคณา ผมรักพรรณีคนเดียว”
อังคณาตบหน้าธานินทร์
อังคณาโกรธแค้นและเสียใจ จนน้ำตาไหล “ฉันเป็นเมียคุณนะ คุณพูดคำนี้ออกมาได้ยังไง”
พูดแล้วอังคณาหันขวับ เดินออกไปนอกบ้าน
“อังคณา”
ธานินทร์มองตามอังคณาอย่างพรั่นพรึง

อังคณาเดินร้องไห้มาหน้าบ้าน
“รักมันมากใช่ไหม คอยดูนะธานินทร์”
อังคณากำลังจะจุดไฟเผาเสื้อด้วยไฟแช็คในมือ
ธานินทร์เดินตามออกมา เห็นอังคณาจุดไฟเผาเสื้อ ตรงรอยปักรักพรรณีกำลังไหม้ไฟ
ธานินทร์ร้องลั่น “อังคณาอย่าทำแบบนั้นนะ”
อังคณาทิ้งเสื้อที่ไฟไหม้ลามเกือบหมดทั้งตัวลงพื้นด้วยสีหน้าสะใจ
ธานินทร์วิ่งไปที่เสื้อที่กำลังไหม้ไฟ
“อย่านะ...” อังคณาดึงแขนธานินทร์ไว้ “คุณรักมันมากนักใช่ไหม? ดู ดูซะให้เต็มตา...”
ธานินทร์เห็นภาพเสื้อที่ไหม้ไฟจนแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว
“ผมไม่คิดว่าคุณจะร้ายขนาดนี้”
ธานินทร์โกรธจัดจ้องหน้าอังคณาเขม็ง อังคณามองกลับมาด้วยแววตาเคียดแค้นพอกัน
“คุณร้ายกับฉันก่อนนี่”
“แต่คราวนี้คุณทำเกินไป ผมทนไม่ไหวแล้ว เราสองคนขาดกัน ผมจะหย่าขาดจากคุณ”
ธานินทร์เดินตรงไปที่รถที่จอดรออยู่ อังคณาเดินตามไป
“คุณไม่ต้องมาขู่ฉันเลย”
“ผมไม่ได้ขู่ ผมทำจริงๆ คุณเตรียมเซ็นเอกสารหย่าได้เลย”
อังคณาสวนคำ “ฉันไม่หย่า ฉันไม่เซ็น”
ธานินทร์ก็ขึ้นรถที่ศักดาจอดรออยู่ อังคณาวิ่งตามไป
“แน่จริงอย่าเพิ่งไปสิ ธานินทร์!”
รถธานินทร์แล่นออกพ้นรั้วบ้านไปแล้ว
“แน่จริงออกมาก่อนสิ ...ฉันไม่ให้คุณมีความสุขกับใครหรอก ถ้าฉันไม่มี คุณก็ต้องไม่มี เข้าใจไหม? ธานินทร์ ได้ยินหรือเปล่า”
อังคณาตะโกนตามไป และยืนโกรธแค้นอยู่ พร้อมกับร้องไห้ ทรุดตัวลงนั่ง
“คุณทำให้ฉันเจ็บปวด ฉันจะเอาคืนเป็นร้อยๆ เท่า คอยดู ฉันไม่มีทางให้คุณได้เสวยสุขกับอีนังนั่นเด็ดขาด”
ชนกนันท์ได้ยินเสียง รีบวิ่งออกมาจากในบ้าน
“แม่ ....แม่”
ชนกนันท์เข้าไปประคองอังคณา
“แม่ เกิดอะไรขึ้นคะแม่”
อังคณาร้องไห้ฟูมฟาย

“พ่อเค้าจะทิ้งแม่ไป พ่อเค้าจะหย่ากับแม่!”
พิณทองยืนอยู่ตรงหน้าห้องทำงานธานินทร์ ช่วงตอนกลางวัน หนังสือลาออกอยู่ในมือของพิณทองแล้ว หญิงสาวอ่านทวนอีกแล้วจึงค่อยๆ บรรจงพับใส่ซองด้วยสีหน้าอึดอัดใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี พิณทองทอดถอนใจ

ครู่หนึ่งยุ้ยเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วกาแฟในมือ
“พี่ยุ้ยคะ ท่านมาหรือยังคะ” พิณทองถาม
“วันนี้ท่านไม่เข้าแล้วล่ะค่ะ ทำไม มีอะไรเหรอ” ยุ้ยนิ่วหน้า
“เปล่าค่ะ”
พิณทองมองซองในมือ ถอนใจอีกเฮือก หน้าตายุ่งยากใจ ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะดังขึ้น พิณทองรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
ชนะศึกเดินออกมาหน้าห้องทำงาน ใช้โทรศัพท์มือถือของตัวเองคุยกับพิณทอง พร้อมกับยืนแอบดูพิณทอง
“เป็นอะไร ทำไมทำหน้ายุ่งอย่างนั้นล่ะ
พิณทองเหลียวซ้ายมองขวา ไม่เห็นชนะศึก “คุณรู้ได้ยังไงคะ”
“รู้ก็แล้วกันน่า” ชนะศึกบอก
พิณทองถอนใจ ไม่อยากพูด “คุณชนะพิณขอพบคุณหน่อยได้มั้ยคะ”
ชนะศึกวางสาย แล้วหันไปมองทางพิณ

ไม่นานต่อมา ชนะศึกอ่านจดหมายลาออกของพิณอยู่ภายในห้องทำงาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาท่าทีตกใจ
“จดหมายลาออก หมายความว่ายังไงเนี่ย”
พิณทองนั่งร้องไห้ ก้มหน้านิ่ง ชนะศึกทำหน้าเครียด

เวลาตอนกลางวัน อังคณากับชนกนันท์อยู่ในห้องนั่งเล่น อังคณาเลิกร้องไห้แล้ว ความเสียใจเปลี่ยนเป็นความแค้น พูดใส่อารมณ์ ชนกนันท์นั่งอยู่ข้างๆ แม่คอยปลอบโยน
“พ่อแกพูดออกมาได้ยังไง ว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยรักแม่เลย เขามีแต่อีนังพรรณีอยู่ในหัวใจเขา...คิดดูซีนก จะให้แม่รู้สึกยังไง เขาทำกับแม่เหมือนเป็นเศษสวะไร้ค่า”
“ใจเย็นค่ะ แม่ เรื่องแบบนี้จะโทษคุณพ่อคนเดียวก็ไม่ถูก” พยายามพูดเข้าข้างธานินทร์
อังคณาแหวใส่ “แกจะโทษแม่อีกคนหรือไง”
“ไม่ใช่ค่ะ นกหมายความว่า” สีหน้าชนกนันท์ร้ายกาจขณะพูดประโยคต่อมา “เรื่องนี้ เป็นความผิดของนังพรรณีต่างหาก” อังคณาหยุดฟังอย่างสนใจ “ถ้ามันไม่เสนอหน้าเข้ามายุ่งกับคุณพ่อ พ่อก็คงไม่เป็นอย่างนี้”

“จริงซี เพราะมันคนเดียว” อังคณาคล้อยตาม
“ลองนึกดูดีๆ ซีคะแม่ ถ้าไม่มีอีนังนั่น คุณพ่อก็อาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
“จริง ถ้าไม่มีนังนั่นซักคน”
อังคณาพูดขึ้นมาอย่างเคียดแค้น

ด้านชนะศึกฟังเรื่องที่อังคณาไปอาละวาดที่บ้านพิณทองอย่างตกใจ เสียใจ และรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ทำไมคุณแม่ทำแบบนี้” หันมาหาพิณทอง “ฉันเสียใจจริงๆ นะ แต่เธอไม่ได้ผิดนี่พิณทอง ทำไมต้องลาออกด้วยล่ะ”
พิณทองเสียงเศร้า “แม่สั่งค่ะ”
ชนะศึกถามต่อทันที “แม่สั่งให้เธอลาออก แล้วใจเธอเองล่ะ อยากจะออกมั้ย”
พิณทองมองชนะศึก ด้วยความรู้สึกลำบากใจ “พิณต้องทำตามที่แม่สั่งค่ะ”
“ถ้าเธอไม่อยากออก เธอก็ไม่ต้องออก เรื่องนี้ ฉันจะคุยกับแม่เธอเอง...ไป”
ชนะศึกดึงแขนพิณทองเดินออกไป

เวลาเดียวกันรถตู้คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของพรรณี ประตูรถเปิดออกเห็นชายฉกรรจ์สามคนลงมาจากรถ มองเข้ามาในบ้านหน้าเหี้ยม ผึ้งวิ่งออกมาดู
“มาหาใครคะ”
“บ้านคนชื่อพรรณีหรือเปล่า” ชายฉกรรจ์คนแรกถาม
ผึ้งบอกพาซื่อ “ใช่ค่ะ”
ชายคนเดิมบอก “มีงานมาให้ทำน่ะ”
“อ๋อ เข้ามาก่อนสิพี่ เดี๋ยวเรียกให้นะ”
ผึ้งมาเปิดประตูรั้วรับ

ครู่ต่อมาผึ้งเดินนำกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาในบ้าน บอกกับพรรณี
“น้าณี น้าณีจ๋า มานี่เร็ว”
“ฮือ”
พรรณีเดินนำสำอางค์ออกมาจากด้านใน
“พวกนี้จ้ะ ที่จะเอางานมาให้น้าทำ” ผึ้งบอก
พรรณีเยื้อนยิ้มรับแขก
“งานอะไรเหรอจ๊ะ”
ชายคนเดิมถาม “ชื่อพรรณีหรือเปล่า”
“ค่ะ”
ทันใดนั้นชายคนดังกล่าว ก็ยกโต๊ะที่วางอยู่ตรงหน้าเหวี่ยงหงายหลังไป
พรรณีโกรธปนตกใจ “อะไรเนี่ย ทำแบบนื้ทำไม”
กลุ่มชายฉกรรจ์ทำลายข้าวของในบ้านไปเรื่อยๆ ทั้งผ้าที่เตรียมตัด ราวแขวนผ้า ข้าวของเครื่องใช้ทำมาหากินของพรรณีทั้งสิ้น พรรณีกับผึ้ง ร้องห้าม สำอางค์ตกใจร้องเสียงดัง
“กูไม่อยู่แล้วเว๊ย”
สำอางค์จะวิ่งหนีออกไปหน้าบ้าน แต่ถูกชายคนหนึ่งกระชากอย่างแรงและเหวี่ยงกลับเข้าไปในบ้านจนหงายหลังล้มลงไป พรรณีรีบเข้าไปประคองสำอางค์
“พวกแกเป็นใคร ใครใช้แกมา” พรรณีทั้งโกรธ ทั้งงง
“มึงก็รู้อยู่แก่ใจ กูทำตามหน้าที่ ช่วยอะไรไม่ได้” ชายที่เป็นหัวโจกบอก
ชายคนอื่นๆ ยังพังบ้านต่อ
“ขอร้องเถอะจ้ะ อย่าทำแบบนี้เลย ฉันไปทำอะไรให้ใคร” พรรณีพูดดีๆ ด้วย
ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนไม่สนใจ ยังคงพังบ้านพรรณีไปเรื่อยๆ อยู่ครู่ใหญ่ พรรณีได้แต่ยืนร้องห้าม ทำอะไรไม่ได้
ทันใดนั้นเพชรแท้ขับรถมอเตอร์ไซค์กลับมาพอดี พอเข้ามาในบ้าน เห็นสภาพบ้านที่พังยับเยินเพชรแท้ก็โกรธขึ้นมาทันที
“เฮ้ย พวกมึงทำอะไร หยุดนะโว้ย
พรรณีเห็นเพชรแท้ วิ่งเข้าไปหา เชิงห้าม
“เพชร อย่าไปยุ่งกับพวกมัน”

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 5 วันที่ 4 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th