อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 8 วันที่ 12 พ.ย. 55

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 8 วันที่ 12 พ.ย. 55

ธานินทร์เดินออกมาหน้าบ้าน ศักดาเอารถมารออยู่ ชนะศึกขวางไว้
“เดี๋ยวนี้ดูพ่อจะมีเรื่องส่วนตัวเยอะจริงนะครับ” มองแล้วถามคาดคั้น
“มีเรื่องอะไรที่ลูกชายของพ่อควรจะรู้หรือเปล่าครับ เช่น พ่อออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานแล้วหายไปไหนมาทั้งวัน ไปทำอะไร ที่ไหน กับใคร”
ธานินทร์ยิ้มๆ ไม่ถือสา ชี้หน้าอกตัวเอง “พ่อเป็นพ่อ” แล้วชี้ที่ชนะศึก “ส่วนลูกเป็นลูก เข้าใจซะให้ถูก แล้วอย่ามาทำเหมือนพ่อเป็นเด็ก ๆ แบบนี้อีก” ก่อนจะหันไปบอกศักดา “ไปศักดา”
ธานินทร์ขึ้นรถ ศักดาขับรถออกไปแล้ว ชนะศึกมองด้วยแววตาสงสัย

ธานินทร์นั่งอยู่ในรถ คุยกับศักดา
“ไปไหนครับท่าน”
“ไปบ้านพรรณี ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะขอร้องเขา”
“เรื่องสำคัญ” ศักดาสงสัย
“ฮื่อ ฉันรู้ว่าเขาไม่เต็มใจ แต่ฉันจะไปขอให้เขาเห็นใจฉัน ฉันอยากเจอลูก อยากพูดกับลูก อยากได้ยินลูกเรียกฉันว่าพ่อสักคำ”
ใบหน้ายิ้มแย้มของธานินทร์เต็มไปด้วยความหวัง



ภายในร้านหมูกระทะ สำอางค์ พาพรรณี เพชรแท้ พิณทอง และผึ้งมาเลี้ยง ทุกคนดูมีความสุขกันมาก
“เอาเลยกินกันให้เต็มที่ วันนี้ป้าเลี้ยงเอง แสดงความยินดีให้ไอ้เพชรมัน”
“ขอบคุณครับ ป้า” เพชรแท้ยิ้ม
“เนี่ย เป็นเพราะพิณไปขอให้คุณพระคุณเจ้าช่วยพี่เพชรหรอกนะ ถึงรอดมาได้”
“เป็นเพราะพี่ไม่ได้ทำผิดต่างหาก ความยุติธรรมยังมีในโลก” เพชรแท้โอ่
“โฮ้ย ถึงคราวซวยคนดี ๆ ก็ตายฟรีกันไปซะตั้งเยอะ ว่าก็ว่าเอ็งน่าโชคดีจริง ๆ” สำอางค์บอก
“ไม่ใช่โชคหรอกป้า ตำรวจเขาว่ามีผู้ใหญ่สั่งให้ถอนฟ้องน่ะ ตำรวจเขาล่าตัวเจ้าของยามาได้ มันสารภาพว่ามันไม่เคยรู้จักเพชรมาก่อน มีคนจ้างให้มันทำ”
“มันบอกหรือเปล่าพี่ว่าใคร” ผึ้งซัก
เพชรแท้ส่ายหน้า “เสียดาย ...แต่จะเป็นใครไปได้ นอกจากพวกบ้านนั้น”
เวลานั้นที่นอกร้าน ธานินทร์ยืนแอบดูทุกคนอยู่ จดสายตามองไปที่เพชรแท้ เห็นทุกคนกำลังมีความสุขกันอยู่
พรรณีเอ่ยขึ้น
“ไม่เอา ๆ วันนี้ต้องพูดแต่เรื่องดี ๆ เรื่องไม่ดีไม่ต้องพูด”
เพชรแท้เงียบไป
สำอางบอกข่าวดี “เออ ใช่ พูดถึงเรื่องดีๆ พรรณี ฉันหางานให้เธอได้แล้วนะ”
“งานอะไรจ้ะ”
“เป็นช่างตัดเสื้อ ร้านตัดชุดเจ้าสาวน่ะ ร้านใหญ่เลยล่ะ พอดีญาติฉันที่ทำงานกับเขามันจะลาออก ฉันเลยแนะนำให้เอาเธอไปแทน เงินเดือนดีด้วยนะ หมื่นกว่าบาทแน่ะ”
พรรณียิ้มปลื้ม “โอ้ย ดีจริง ๆ ขอบคุณมากเลยพี่” ไหว้สำอาง “แค่มีงานทำ งานอะไรก็ได้ฉันก็ดีใจแล้ว”
ผึ้งขำชวนกินกัน “เอ้า มัวแต่คุยกันอยู่นั่นแหละ กินๆๆ”
ทุกคนกินอาหารไปอย่างมีความสุข

ธานินทร์เห็นเพชรแท้ ถูกผึ้ง และพิณทองช่วยกันเอาใจ คีบโน่นคีบนี่ให้กิน ขณะที่เพชรแท้หันมาเอาใจพรรณีบ้าง สองแม่ลูกหัวเราะอย่างมีความสุข และดูรักกันมาก
ธานินทร์ยิ้มตาเป็นประกายเจิดจ้าขณะมองเพชรแท้ พลอยมีความสุขไปด้วย

ที่บริเวณหน้าห้องน้ำร้านหมูกระทะ พรรณีเดินออกมาเข้าห้องน้ำ ล้างมือ เสร็จแล้วเดินออกมา ธานินทร์ดักรอด้านหน้า พรรณีตกใจ
“พรรณี” ธานินทร์ทักทาย
“คุณธานินทร์ คุณมาได้ยังไง”
“ผมไปหาคุณที่บ้าน สวนทางกันพอดี เลยขับรถตามมา มาฉลองกันล่ะซี” ธานินทร์ยิ้มแย้ม
พรรณีพยักหน้า “ขอบคุณ ที่ช่วยเพชรให้เป็นอิสระ”
“ผมต้องช่วยอยู่แล้ว ในฐานะของพ่อ”
พรรณีชักสีหน้า “เพชรมีพ่อคนเดียวคือคนที่แต่งงานกับฉัน และฉันก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้นตลอดไป”
“แต่ความจริงก็คือความจริง ผมเป็นพ่อของเขา คุณจะไม่ให้เขารู้ความจริงได้ยังไง”
“จะมีประโยชน์อะไร คุณก็รู้ว่าเพชรรู้สึกยังไงกับคุณ ถ้าเขารู้ว่าคุณคือพ่อ พ่อที่ไม่เคยรักหรือเลี้ยงดูเขามาเลย เขาจะดีใจไหม”
สีหน้าธานินทร์สลดลง “ก็จริง ผมไม่เคยดีกับเขา แต่มันยังไม่สายไปนะพรรณี คุณให้โอกาสผมซักครั้งไม่ได้เหรอ”
“ไม่ ฉันอยากให้มันจบแค่นี้”
พรรณีเดินไป ธานินทร์คว้ามือเอาไว้
“เห็นใจผมเถอะ พรรณี ขอให้ผมได้พบเขาสักครั้งเดียวก็ได้ ให้ผมได้พูดกับเขา ได้กอดเขาสักครั้ง ได้บอกกับเขาว่าพ่อ”
ระหว่างนั้นเพชรแท้เดินเข้ามาตามพอดี เรียกพรรณีเสียงดัง
“แม่”
ทั้งสองสะดุ้ง พรรณีผละออกมาหาเพชรแท้
ธานินทร์ยิ้ม สีหน้าแววตาดีใจนัก ทักทายเสียงอ่อนโยน “เพชรแท้”
“แกมาที่นี่ได้ยังไง”
“ฉัน...ฉัน” ธานินทร์อึกอัก แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “ดีใจด้วยนะ ที่เขาปล่อยตัวเธอออกมา”
เพชรแท้เดินเข้าหา ท่าทางเอาเรื่อง
“เออ ฉันออกมาได้แล้ว เป็นไงล่ะ ผิดหวังมากไหม”
“ไม่นะ ฉันไม่ได้...” ธานนินทร์อ้ำอึ้ง
เพชรแท้ผลักอกธานินทร์ “แล้วแกตามมาดูฉันทำไม คิดจะทำอะไรบ้านฉันอีกเหรอ ไอ้แก่”
“เพชร อย่านะ” พรรณีเสียงดัง
เพชรแท้ไม่ฟัง “แม่อย่ายุ่ง” หนุ่มเลือดร้อนหันไปผลักธานินทร์จนร่างเซไปกระแทกผนัง “ยังไม่เลิกใช่ไหม อยากมีเรื่องใช่ไหม เอาซี จะเอาแบบไหนดี อยากจะให้ฉันต่อยแกให้ตายตรงนี้ใช่ไหม”
เพชรแท้ผลักธานินทร์เซไปอีก พรรณีทนไม่ไหว เข้าห้ามเสียงดัง
“เพชรหยุดนะ”
“แม่ถอยไป ผมกับมันมีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
พรรณีขึ้นเสียง “แม่บอกว่าไม่ให้ยุ่งกับเขา กลับไป”
“แม่” พรรณีมองเขม็ง เพชรแท้ต้องยอม “โอเค ก็ได้” แต่แล้วเปลี่ยนใจ หันกลับมา “แต่ก่อนไป ขอต่อยมันให้หายแค้นสักทีเถอะ”
พลางเพชรแท้โถมเข้าใส่ธานินทร์ พรรณีร้องกรี๊ด ขวางเพชรแท้เต็มแรง กอดรั้งไว้แน่น
“อย่านะ เพชร อย่า แม่บอกให้หยุดไง กลับบ้านไป กลับบ้านเดี๋ยวนี้ ไป”
พรรณีลากเพชรแท้ออกไปจนได้ ธานินทร์มองตามแววตาเสียใจ

วันต่อมาจรัลทนายประจำตระกูลเลิศชัยวัฒน์เดินถือกระเป๋าเอกสารเข้ามาที่หน้าประตูบ้าน
ไม่นานนัก ธานินทร์กำลังนั่งคุยอยู่กับจรัลในห้องทำงานที่บ้านเลิศชัยวัฒน์
“ผมอยากจะทำพินัยกรรม”
ธานินทร์เล่าให้จรัลฟังแล้ว จรัลรู้สึกแปลกใจ
“ท่านจะทำพินัยกรรม ทำไมล่ะครับ ทำไมอยู่ดีๆ ท่านถึงอยากจะทำพินัยกรรม” จรัลถามประสาทนายที่คุ้นเคยกัน
“ถามแปลก ผมอยากยกทรัพย์สินของผมให้ใครซักคน ผมก็ต้องทำพินัยกรรมไม่ใช่เหรอ”
“ความจริงถึงท่านจะหย่าขาดจากคุณอังคณาก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่ครับ สินทรัพย์ที่แบ่งกันคนละครึ่ง ก็ยังจะเป็นของคุณชนะศึกกับคุณชนกนันท์ตามเดิม”
“ก็ใช่ แต่ผมต้องการจะแบ่งสมบัติให้กับอีกคนเพิ่มด้วย” ธานินทร์ว่า
จรัลยังงงอยู่ “อะไรนะครับ”
“คุณได้ยินชัดแล้วนี่ ผมต้องการแบ่งทรัพย์สินของผมให้กับอีกคน นอกเหนือจากชนะศึกกับชนกนันท์” ธานินทร์บอกย้ำ
“แต่ท่านยังไม่ได้หย่าขาดกับคุณอังคณา เพราะฉะนั้นการทำเอกสารคุณอังคณาก็จำเป็นจะต้องรับรู้ด้วย”
“เรื่องนั้นเอาไว้ฉันจัดการเอง...ยังไงผมกับอังคณาก็ต้องหย่าขาดกันแน่ ๆ”
จรัลจึงถามต่ออย่างคาใจ “งั้น...ท่านจะยกให้ใครครับ”

ไม่นานนักจรัลเดินรีบร้อนออกมาตรงหน้าห้องทำงานธานินทร์ พลางกดโทรศัพท์มือถือหาผู้ช่วย
“ฮัลโหล มานิตเหรอ ผมมีเรื่องด่วนให้คุณช่วยจัดการหน่อย ผมอยากให้คุณช่วยดูข้อมูลกฎหมายเกี่ยวกับพินัยกรรมให้ผมด้วย ใช่ คุณธานินทร์ต้องการจะทำพินัยกรรม เดี๋ยวผมจะเข้าไปเล่ารายละเอียดให้ฟังที่ออฟฟิศ”

ตรงหัวบันไดเฉลียงด้านบน อังคณาได้ยินทั้งหมด เธอถึงกับนิ่งอึ้ง ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน พึมพำกับตัวเองตาเป็นประกายวาววาม

“พินัยกรรมเรอะ”
ภายในห้องนั่งเล่นบ้านเลิศชัยวัฒน์ค่ำคืนนั้น อังคณา ชนกนันท์ และชนะศึกนั่งอยู่ด้วยกัน อังคณากับชนกนันท์ท่าทางเครียด โกรธขึ้ง และไม่พอใจเอามากๆ แต่ขณะที่ชนะศึกมีท่าทีเฉยๆ หลังฟังความจากผู้เป็นมารดาเรื่องพินัยกรรมที่แอบได้ยิน

“ผมว่าแม่คิดมากไปแล้ว ระยะหลังนี่พ่อไม่ค่อยสบาย พ่ออาจจะเป็นห่วง อยากจัดการอะไรไว้ให้มันเรียบร้อย ผมว่าการที่พ่อทำพินัยกรรมมันไม่เห็นจะแปลกอะไร ใคร ๆ ก็ทำได้”
“มันแปลกซี เพราะปกติถ้าเขาเป็นอะไรไป แม่กับลูกทั้งสองก็ต้องได้มรดกของเขาอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำพินัยกรรมก็ได้ นอกจากว่าเขาจะต้องการยกสมบัติของเขาให้คนอื่น” อังคณาว่า
“พ่อจะยกสมบัติให้คนอื่นไม่ได้นะคะ นกไม่ยอมนะ” ชนกนันท์ตีโพยตีพาย
ชนะศึกส่ายหัว “เหลวไหลน่ะ พ่อเป็นพ่อเรานะนก พ่อจะไปยกสมบัติให้ใครได้”
อังคณาเยาะหยัน “นึกไม่ออก หรือแกล้งโง่กันแน่ จะใครล่ะถ้าไม่ใช่นังพรรณี พ่อของแกเขาหลงใหลมันจนแทบจะบ้า เขาต้องยกทุกอย่างให้มันแน่”
ชนะศึกชะงักไปเหมือนกัน “พ่อจะทำขนาดนั้นเลยเหรอครับ
ชนะศึกไม่อยากจะคิดว่าเป็นอย่างนั้นได้

เช้าวันต่อมา ภายในรถของธานินทร์ ที่ศักดาเป็นคนขับ ธานินทร์กับชนะศึกนั่งอยู่ตอนหลัง ธานินทร์เงยหน้าจากการอ่านเอกสาร ขณะเอ่ยขึ้น
“พ่อว่านะ ความจริงประชุมกับลูกค้าวันนี้ ชนะเข้าคนเดียวก็ได้”
“สัญญาตัวนี้เกือบร้อยล้านนะครับ พ่ออยู่ด้วยลูกค้าจะยิ่งมั่นใจ”
“พ่อว่าลูกควรจะเริ่มทำตัวให้ลูกค้าเขามั่นใจในตัวลูกได้แล้ว อีกไม่นานลูกจะต้องทำงานแทนพ่อทั้งหมด” ธานินทร์พูดเป็นนัย
ชนะศึกสะกิดหู “พ่อพูดอย่างกับว่าจะไปไหน”
ธานินทร์ถอนหายใจ “พ่อเหนื่อยน่ะ พ่ออยากจะพักซักที”
“พ่อก็เลยคิดทำพินัยกรรมใช่ไหมครับ” ธานินทร์อึ้ง ชนะศึกเหลือบมองพ่อถามหยั่งเชิง “ก็รอบคอบดีนะครับ พ่อคงอยากให้แน่ใจว่าทุกอย่างของพ่อจะเป็นของผมกับนก”
พูดแล้วชนะศึกหันมามองธานินทร์ถามย้ำ “ใช่ไหมครับ”
ธานินทร์อึ้งไม่พูดอะไรอีก ชนะศึกเองก็ไม่กล้าถามอะไรต่อ

ภายในห้องทำงานของจรัล ที่สำนักงานทนายความ โทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น จรัลรับสาย
“สวัสดีครับ ผมจรัลพูดครับ”
เรืองโรจน์พูดโทรศัพท์อยู่ที่ภายในห้องนั่งเล่นบ้านเลิศชัยวัฒน์
“คุณจรัลเหรอครับ ผมเรืองโรจน์เลขาฯคุณธานินทร์นะครับ ท่านให้โทรมาถามเรื่องพินัยกรรมน่ะครับ”
“พินัยกรรมอะไรกันครับ”
“ก็ที่ท่านคุยกับคุณจรัลเมื่อวานนี้ไงครับ ท่านให้ผมตามว่าไปถึงไหนแล้ว” เรืองโรจน์สวมรอย
จรัลหลงกล “ร่างเสร็จแล้วครับ ท่านบอกว่ารีบผมก็สั่งให้ลูกน้องจัดการเลย แต่ยังไม่ได้ตรวจทานเลยนะครับ”
เรืองโรจน์หันมาทางอังคณาที่นั่งอยู่ในนั้นด้วย แล้วทำเป็นพูดทวนประโยคของจรัลให้อังคณาฟัง
“ร่างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ตรวจทานเลยเหรอครับ”
เรืองโรจน์พยักหน้าให้อังคณาจะบอกว่าเสร็จแล้ว อังคณาพยักหน้ายืนยันให้เรืองโรจน์พูดต่อ
เรืองโรจน์พูดต่อ “ไม่ทราบว่าให้ใครส่งมาให้ท่านดูก่อนได้ไหมครับ ที่บ้านครับ ท่านกำลังรออยู่ ขอบคุณมากครับ ผมจะได้ไปเรียนให้ท่านทราบ”
เรืองโรจน์วางหูโทรศัพท์ แล้วหันมายิ้มให้อังคณา
“เอกสารจะมาถึงภายในหนึ่งชั่วโมงครับ”
อังคณาพอใจมาก

ภายในห้องทำงานจรัลที่สำนักงานทนายความ จรัลยื่นซองเอกสารซองหนึ่งให้แมสเซ็นเจอร์ของบริษัท
“รีบเอาไปส่งให้คุณธานินทร์ด่วนเลย”
แมสเซ็นเจอร์รับคำ แล้วออกไป ส่วนจรัลยกหูโทรศัพท์ กดเบอร์โทร.ออกทันที

รถของธานินทร์มาจอดที่ตึกบริษัทลูกค้าแล้ว ชนะศึกกับธานินทร์ลงจากรถ ทั้งสองกำลังจะเดินเข้าไปในตึก
โทรศัพท์มือถือธานินทร์ดังขึ้น ธานินทร์หยิบมาดูเบอร์ แล้วรับสาย
“ว่าไงคุณจรัล”
“ผมให้เด็กเอาร่างพินัยกรรมไปให้ท่านแล้วนะครับ”
ธานินทร์ตกใจ มองชนะศึกแวบหนึ่ง แล้วเดินเลี่ยงออกมา ชนะศึกมองตามแปลกใจ “อะไรนะ ใครสั่ง”
จรัลงง “ก็ท่านสั่งไม่ใช่เหรอครับ”
“ไม่ ผมยังไม่ได้สั่ง”
“เอ๊ะ แต่คุณเรืองโรจน์เลขาฯ ของท่านโทรมาบอกว่าท่านอยากดู ให้รีบเอาไปให้ที่บ้านน่ะครับ”
“ที่บ้านเหรอ” ธานินทร์ตกใจมาก รู้ทันที กดวางสาย แล้วหันมาหาชนะศึกท่าทีร้อนใจเอามากๆ “ชนะขึ้นไปประชุมแทนพ่อเลยนะ พ่อต้องรีบกลับบ้านแล้ว”
ชนะศึกงวยงง “อ้าว ทำไมละครับ จะกลับไปทำไม”
“พ่อมีธุระสำคัญ”
“ธุระอะไรครับ”
ธานินทร์ไม่ตอบลูกชาย เดินกลับไปที่รถ เปิดประตูเข้าไปนั่งด้านหลัง แล้วสั่งศักดาเสียงเข้ม
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
ศักดาเคลื่อนรถออกไปเลย ชนะศึกมองรถที่แล่นออกไปแล้วยิ่งสงสัย

เวลาเดียวกัน รถมอเตอร์ไซค์แมสเซ็นเจอร์ที่จรัลจ้างวานแล่นไปเรื่อยๆ บนท้องถนน

ศักดาขับรถมาเรื่อยๆ ธานินทร์นั่งอยู่ด้านหลังรู้สึกร้อนใจเหลือเกิน จนบ่าวและคนขับรถคู่ใจอดสงสัยไม่ได้
“ท่านครับ มีอะไรเหรอครับ”
“มีคนหลอกดูพินัยกรรมของฉัน ต้องเป็นอังคณาแน่ๆ” ร้อนใจยิ่งขึ้น “ขับให้มันเร็วกว่านี้ได้ไหม”
ศักดาจัดให้ “ได้ครับ”
ธานินทร์รู้สึกร้อนใจเหลือแสน

รถมอเตอร์ไซค์ของแมสเซ็นเจอร์แล่นซิกแซกหลบหลีกรถติดไปเรื่อยๆ

บนถนนอีกสายรถธานินทร์แล่นมา แล้วมาต่อท้ายรถติดยาว ธานินทร์หงุดหงิด
“มีทางลัดไหม หาทางลัดไปเลย”
“ครับท่าน”

ศักดาหักรถออกจากแนวรถที่ติดอยู่ แล้วขับเลี้ยวเข้าซอยหนึ่งไป
รถมอเตอร์ไซค์แมสเซ็นเจอร์แล่นเข้ามาจอดที่ประตูรั้วหน้าบ้านเลิศชัยวัฒน์ แมสเซ็นเจอร์ลงจากรถ แล้วเดินไปกดกริ่ง ครู่หนึ่งสาวใช้ออกมา

“เอกสารของคุณธานินทร์ครับ” แมสเซ็นเจอร์บอก
หน่อยสาวใช้รับเอกสารมา แมสเซ็นเจอร์กลับขึ้นรถแล้วขับบึ่งออกไป หน่อยถือเอกสารนั้นเดินเข้าไปในบ้าน

ไม่นานนัก ที่ถนนหน้าบ้านเลิศชัยวัฒน์ รถของธานินทร์แล่นมาแต่ไกล พอรถเข้ามาจอดชะลอ ประตูค่อยๆ เปิดออก แล้วรถของธานินทร์ก็แล่นเข้าไปจอดที่ตัวบ้าน
ธานินทร์รีบลงจากรถ ตรงดิ่งเข้าไปในบ้านในอาการร้อนใจ

ธานินทร์เข้ามาในห้องรับแขก หน่อย สาวใช้ออกมาพอดี
“นี่ ๆ มานี่ซี มีคนเอาเอกสารมาส่งให้ฉันหรือเปล่า”
“ค่ะ มีค่ะ” หน่อยบอก
“แล้วอยู่ที่ไหน”
“อยู่บนโต๊ะนั่นน่ะค่ะ”
ธานินทร์มองไป เห็นซองเอกสารวางอยู่บนโต๊ะในห้องรับแขก ก็รู้สึกโล่งใจ เขาเดินตรงไปที่โต๊ะนั่น ธานินทร์เดินมาถึงโต๊ะแล้วหยิบซองเอกสารขึ้นมา แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักซองเอกสารถูกแกะออกแล้ว
ธานินทร์หันมาถามสาวใช้ “ซองนี่เปิดแล้วนี่ ใครเป็นคนเปิด”
เสียงอังคณาดังเข้ามา
“ฉันเอง”
ธานินทร์หันไปที่ประตู อังคณายืนอยู่ที่นั่นกับชนกนันท์ หน้าตาเอาเรื่องทั้งคู่
ธานินทร์ยืนนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก
“ทำไมถึงต้องเป็นมัน ทำไมคุณถึงคิดยกทรัพย์สมบัติให้มัน”
ธานินทร์บอกชนกนันท์ “นก ออกไปก่อนไปลูก”
อังคณาห้ามลูกสาว “ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น อยู่นี่แหละ จะได้รู้พร้อม ๆ กัน” อังคณาเดินมากระซากซองเอกสารออกจากมือธานินทร์ “ว่าทำไมเขาถึงทำพินัยกรรมยกสมบัติให้ไอ้บ้านั่น”
ธานินทร์ฉุน บอกใส่หน้าอย่างมีอารมณ์ “คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของผม”
“นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของคุณ มันเรื่องของพวกเราทุกคน คุณเห็นคนอื่นดีกว่าลูกๆ ของคุณได้ยังไง”
“พ่อไม่รักนกแล้วหรือคะ พ่อทำกับนกอย่างนี้ได้ยังไง” ชนกนันท์ครวญคร่ำ
“พ่อไม่ได้แตะต้องส่วนที่เป็นของลูกหรือของแม่เลยนะ” ธานินทร์บอก
“ฉันไม่ได้สนหรอก เงินฉันมีเป็นร้อยล้านพันล้าน แต่ที่ฉันทนไม่ได้ก็คือ คุณเห็นไอ้ลูกเมียเก่านั่นดีกว่าลูกแท้ ๆ ของคุณเองได้ยังไง” อังคณาขึ้นเสียง
เสียงชนะศึกแทรกเข้ามา “แม่หมายถึงใคร”
ธานินทร์ชะงักหันไปมอง ชนะศึกยืนอยู่ที่ประตู ธานินทร์อึดอัด
“มาก็ดีแล้ว ดูเอาให้เห็นกับตาซี ว่าพ่อแกทำอะไรลงไป”
อังคณาส่งซองพินัยกรรมให้ชนะศึกอ่าน ชนะศึกเปิดซองแล้วเอาเอกสารออกมาดู อ่านช้าๆ
“เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรมให้แบ่งทรัพย์สินของข้าพเจ้าทั้งหมด ให้แก่บุคคลที่มีชื่อต่อไปนี้ คนละหนึ่งส่วนเท่า ๆ กันคือ 1. นายชนะศึก เลิศชัยวัฒน์ 2. นางสาวชนกนันท์ เลิศชัยวัฒน์ และ 3. นายเพชรแท้ มงคลกุล” ชนะศึกตกใจ หันมาทางธานินทร์ “นี่มันอะไรครับพ่อ”
“จะอะไรล่ะพี่ชนะ พ่อจะยกสมบัติที่ควรเป็นของเราให้กับลูกเมียเก่านะซี” ชนกนันท์แหวขึ้น
“แม่ว่าจริงๆ แล้ว เขาไม่ได้คิดจะยกให้ไอ้เพชรหรอก แต่เขาอยากยกให้นังพรรณีนั่นต่างหาก ให้ลูกก็เหมือนให้แม่” อังคณาเยาะหยัน
ชนะศึกตกตะลึง ถามทันที “จริงเหรอครับพ่อ”

อ่านละคร บ่วงรัก ตอนที่ 8 วันที่ 12 พ.ย. 55

เค้าโครงเรื่อง : ทีมเอ็กแซ็กท์
บทโทรทัศน์ : กษิดินทร์ แสงวงษ์ , ศิริลักษณ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : นิพนธ์ ผิวเณร
อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ออกอากาศ : จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 5
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรกอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager.co.th